วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สนธิสัญญามาสทริชต์


สนธิสัญญามาสทริชต์ สหภาพยุโรปเป็นการรวมกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการทำสนธิสัญญามาสทริชต์ (Treaty of Maastricht) ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อก่อตั้งสหภาพยุโรป ที่มีผลบังคับในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1993 


ความคิดในเรื่องการบูรณาการยุโรปมีมานานับศตวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ยุโรปได้รับความเสียหายจากสงครามเพราะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนเกือบ 10 ล้านคน ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะชาติยุโรปต่าง ๆขัดแย้งศัตรูระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี

นอกจากนี้ยังสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงครามร่วมกันได้ เพราะบทเรียนที่ชาติยุโรปได้รับก็คือ แต่เดิมชาติยุโรปต่างแข่งขันด้านเศรษฐกิจ โดยไม่คำนึงถึงชาติอื่น ๆ ทั้งนี้เป็นเพราะความรู้สึกเรื่องชาตินิยมทางเศรษฐกิจ ทำให้ในที่สุดได้กลายเป็นสงครามสู้รบที่นำความเสียหายมาสู่ยุโรปแต่ถ้ายุโรปรวมกันได้ก็จะเกิดการค้าเสรีภายในยุโรปและขจัดอุปสรรคเกี่ยวกับชาติ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้า ทุน แรงงานและบริการและการผลิตสินค้าที่อยู่ในกรอบของภูมิภาคไม่ใช่เป็นการผลิตสินค้าโดยแต่ละประเทศ

นอกจากนี้การบูรณาการยุโรปเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่ว่าประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเข้ามามีอิทธิพลแทรกแซงยุโรปตะวันตกซึ่งถ้ายุโรปรวมกันได้ก็จะกลายเป็นพลังอำนาจทัดเทียมกับสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

แผนการบูรณาการยุโรปในตอนแรกเกิดอุปสรรคเนื่องจากสหภาพโซเวียตซึ่งมีอิทธิพลเหนือประเทศยุโรปตะวันออกไม่ยอมให้ประเทศเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับประเทศยุโรปตะวันตกแต่ผู้นำประเทศยุโรปต่างพยายามแก้ไขปัญหาและดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการรวมกลุ่มต่าง ๆ เช่น ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้ายุโรป หรืออีซีเอสซี (European Coal and Steel Community-ECSC) ประชาคมเศรษฐกิจยุโรปหรืออีอีซี (European Economic Community-EEC) และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรปหรือยูราตอม (European Atomic Energe Community : Euratom) การรวมกลุ่มต่าง ๆเหล่านี้ได้พัฒนาเป็นการรวมกลุ่มที่เรียกว่า สหภาพยุโรปหรืออียูในที่สุด โดยมีสมาชิกก่อตั้ง 15 ประเทศ ปัจจุบันสหภาพยุโรปมีสมาชิก 25 ประเทศ
รายชื่อสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศ
1. ออสเตรีย
2. เบลเยียม
3. เดนมาร์ก
4. ฟินแลนด์
5. ฝรั่งเศส
6. เยอรมนี
7. กรีซ
8. ไอร์แลนด์
9. อิตาลี
10. ลักเซมเบิร์ก
11. เนเธอร์แลนด์
12. โปรตุเกส
13. สเปน       
14. สวีเดน
15. สหราชอาณาจักร
16. ไซปรัส
17. เช็ก
18. เอสโตเนีย
19. ฮังการี
20. ลัตเวีย
21. ลิทัวเนีย
22. มอลตา
23. โปแลนด์
24. สโลวีเนีย
25. สโลวะเกีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น