วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สเตอร์เจียน



“คาเวียร์” คือชื่อของไข่ปลา “สเตอร์เจียน” หรือ Sturgeon เป็นปลา
“สองน้ำ” ที่เชื่อว่าเกิดมา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เรียกว่า มีมาตั้งแต่ในยุค ที่มีสัตว์น้ำเกิดขึ้นในโลกเรานี้... 


ถิ่นกำเนิดมีอยู่เฉพาะทางซีกโลกเหนือ... พบเจอมากที่สุดในทะเลแคสเปียน 
ซึ่งฝั่งหนึ่งเป็นดินแดนของรัสเซีย ส่วนอีกฝั่งเป็นประเทศอิหร่าน 
และในแม่น้ำดานูปก็ยังพอพบเจอได้บ้าง...
 
จัดอยู่ใน Subclass Actinopterygii, Order Acipenseriformes, 
Family Aci penserdae แล้วแยกสายพันธุ์ออกไปเป็นชนิดต่างๆ ประมาณมากกว่า 20 ชนิด 


...แต่มีเพียง 3 ชนิดเท่านั้นที่ให้ ไข่แล้วถูกเรียกว่า “ไข่ปลาคาเวียร์” 


ภาพวาดสเตอร์เจียนในยุคโบราณของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Ryugyo 
(ญี่ปุ่น: 龍魚 แปลว่า 'ปลามังกร') 
ซึ่งครั้งหนึ่งเชื่อว่าเป็นสัตว์ประหลาด

การขยายพันธุ์ของปลาสเตอร์เจียนด้วยการวางไข่ เกาะอาศัยอยู่กับก้อนกรวดก้อนหินตามท้องน้ำ 
ลูกปลาสเตอร์เจียนจะเจริญเติบโตในแม่น้ำสายใหญ่ ประมาณ 3 ปี ก่อนจะแหวกว่ายออกสู่ทะเล 
เพื่อกินอาหารที่เป็นสัตว์น้ำประเภทหอยก้นทะเล จน กระทั่งเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม
จะว่ายกลับถิ่นกำเนิด และว่ายทวนน้ำขึ้นไปวางไข่ในแม่น้ำที่สงบเงียบ จึงถูกเรียกว่า ปลาสองน้ำ 


สำหรับไข่ คาเวียร์ มีหลักฐานยืนยันว่าได้เริ่มบริโภคกันมาตั้งแต่... 
ในช่วงหลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่อง จากมนุษย์กลัวสารเคมี
ที่ตกค้างในสัตว์ จำพวกวัว, หมู และไก่ 


ในประเทศอิหร่าน มีการคุมเข้ม การจับปลาสเตอร์เจียน 
โดยผู้เป็นชาวประมงต้องเข้าฝึกอบรมจากสถาบันควบคุมการผลิตคาเวียร์ 
ของกระทรวงเกษตร ประเทศอิหร่านเป็นระยะเวลาถึง 2 ปี จึงจะมีสิทธิเข้าร่วม
จับปลาสเตอร์เจียนกับคณะชาวประมง และยังต้องขึ้นตรงต่อสถานีประมงของรัฐบาลอีกด้วย 



สเตอร์เจียนขาว
โดยการจับปลาสเตอร์เจียนต้องลงอวนตาข่ายที่กำหนดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร 
ให้เป็นแนวตั้งฉากกับชายฝั่ง พอปลาติดอวน ต้องรีบปลดปลาขึ้นเรืออย่างระมัดระวัง 
โดยจะต้องไม่กระทบกระเทือนท้องปลาที่มีไข่ จากนั้นต้องนำปลาที่จับมาได้ไปชั่งน้ำหนัก, 
ลงเลขหมาย, ลงวันที่จับปลา และลงชื่อผู้จับปลาได้ โดยทุกอย่างต้องควบคุมอย่างละเอียด 


นับว่าเป็นเรื่องดี ที่เขาจัดเป็นระบบระเบียบ อย่างชัดเจน... 
ส่วนการซื้อหาไข่คาเวียร์จะซื้อได้ ตามร้านขายสินค้าปลอดภาษี ที่มีการรับรอง 
จากองค์กรไซเตส (CITES) ซึ่งควบคุมอยู่เท่านั้น 



ฟาร์มปลาคาร์เวียร์
ผู้ดีมีเงินที่สามารถบริโภคได้ สามัญชนอย่าหวังลิ้มรสชาติของคาเวียร์ 
เพราะไข่คาเวียร์มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 120,000- 150,000 บาท... 


...นี่เองจึงเป็นสาเหตุที่มีการลักลอบขายลักลอบนำเข้าปลาสเตอร์เจียน 
มาเพาะเลี้ยงในประเทศไทยกันอย่างมากมาย... เมื่อไม่นานมานี้ 
กรมประมงก็ไปกวาดจับมาแล้วอีกหลายรอบ...แต่ก็ยังไม่หมดสิ้น 


...คงจะต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทะเลาะกันให้แล้วเสร็จอะไรๆ คงจะดีขึ้น... 
ว่าจะให้เพาะเลี้ยงได้ หรือเป็นสัตว์ต้องห้ามกันแน่... 




ปลาสเตอร์เจียน (Sturgeon) ปลากระดูกแข็งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง 
ในอันดับปลาฉลามปากเป็ด Acipenseriformes อาศัยได้อยู่ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย 
และทะเล เมื่อยังเล็กจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด ทะเลสาบหรือตามปากแม่น้ำ 
แต่เมื่อโตขึ้นจะว่ายอพยพสลงสู่ทะเลใหญ่ และเมื่อถึงฤดูวางไข่ก็จะว่ายกลับมาวางไข่ในแหล่งน้ำจืด


สเตอร์เจียน เป็นปลาที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ปลา 
ที่เรียกว่า ไข่ปลาคาเวียร์ (Caviar) ซึ่งนับเป็นอาหารราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก




สเตอร์เจียน มีรูปร่างคล้ายปลาฉลาม มีหนามแหลมสั้น ๆ 
บริเวณหลังและเส้นข้างลำตัว (Llateral line) มีหนวดทั้งหมด 2 คู่
อยู่บริเวณปลายจมูก ปลายหัวแหลม ปากอยู่ใต้ลำตัว หากินตามพื้นน้ำโดยอาหารได้แก่ 
สัตว์น้ำขนาดเล็กต่าง ๆ สเตอร์เจียนจะพบแต่เฉพาะซีกโลกทางเหนือซึ่งเป็นเขตหนาวเท่านั้น 
ได้แก่ ทวีปเอเชียตอนเหนือ ทวีปยุโรปตอนเหนือ ทวีปอเมริกาเหนือตอนเหนือ 
สถานะปัจจุบันของปลาชนิดนี้ในธรรมชาติใกล้สูญพันธุ์เต็มที 
แต่ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในบางชนิด





สเตอร์เจียน มีทั้งหมด 27 ชนิด (Species) ใน 3 สกุล (Genus) 
โดยชนิดที่ใหญ่ที่สุดคือ สเตอร์เจียนขาว (Huso huso) พบในรัสเซีย 
สามารถโตเต็มที่ได้ถึง 5 เมตร หนักกว่า 900 กิโลกรัม และมีอายุยืนยาวถึง 210 ปี 
นับเป็นปลาที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก เท่าที่มีการบันทึกมา และเป็นชนิดที่ให้
ไข่รสชาติดีที่สุดและแพงที่สุดด้วย ส่วนชนิดที่เล็กที่สุดคือ สเตอร์เจียนแคระ 
(Pseudoscaphirhynchus hermanni) ที่โตเต็มที่มีขนาดไม่ถึง 1 ฟุตเสียด้วยซ้ำ


นอกจากนี้แล้ว สเตอร์เจียนยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย



คาเวียร์ หรือบางทีจะเรียก ไข่ปลาคาเวียร์ (caviar) เป็นไข่ปลาที่ผ่านการปรุงรสโดย
ไข่มาจากปลาหลากหลายประเภท โดยส่วนมากนิยมนำมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน 
คาเวียร์ได้มีการโฆษณาและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก คำว่า 
คาเวียร์มาจากภาษาเปอร์เซีย ว่า خاگ‌آور (Khag-avar) ซึ่งมีความหมายว่า 
"ไข่ปลาที่ปรุงรส" โดยในแถบเปอร์เซียจะใช้หมายถึงปลาสเตอร์เจียน


ในปัจจุบัน คาเวียร์ที่มีชื่อเสียง จะมาจากฝั่งทะเลแคสเปียน ในแถบอาเซอร์ไบจัน
อิหร่าน และ รัสเซีย คาเวียร์มีหลายประเภทและหลายสี โดยคาเวียร์สีทอง 
ที่มาจากปลาสเตอร์เลต (sterlet) เป็นคาเวียร์ที่หายาก นิยมรับประทานกันในหมู่กษัตริย์ 
โดยในปัจจุบันคาเวียร์ชนิดนี้แทบจะหาไม่ได้เนื่องจากมีการล่ามากจนเกินไป และทำให้เกิดการสูญพันธุ์


สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012



อันดับ 1 สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส
91.33 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 2 สายการบินแอร์นิวซีแลนด์
87.63 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 3 สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส
86.88 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 4 สายการบินโคเรียนแอร์
(85.97 คะแนน) ปีที่แล้วติดอันดับที่ 8
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 5 สายการบินคาเธย์แปซิฟิก
85.86 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 6 สายการบินเอเซียน่า แอร์ไลน์ส (ของเกาหลีใต้)
85.59 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 7 สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส
84.93 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
อันดับ 8 สายการบินเวอร์จิ้น แอตแลนติก แอร์เวย์ส สัญชาติอังกฤษ สิงคโปร์แอร์ไลน์ถือหุ้น 49%
83.80 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 9 สายการบิน ไทยแอร์เวย์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (การบินไทย)
83.25 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012 อันดับ 10 สายการบินอีวีเอ แอร์ (ของไต้หวัน)
83.00 คะแนน
สายการบินที่ดีที่สุดในโลก 2012

Schengen Visa

วีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) นั้นใช้ได้กับประเทศแถบยุโรปที่เป็นสมาชิก วีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางไปเที่ยวยุโรป หลายประเทศต่อเนื่องกันในทริปเดียว โดยสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่า แบบเดินทางเข้า - ออกครั้งเดียว (Single) หรือเดินทางเข้า - ออกหลายครั้งก็ได้ (Multiple) แต่ทั้งนี้รวมเวลาที่พำนักทั้งหมดแล้ว ต้องไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดยเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มสัญญาเชงเก็น (Schengen)

การทำ วีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียเวลายื่นวีซ่าขอเข้าประเทศ กับทุก ๆ ประเทศที่จะเดินทางเข้าไปเที่ยว มีเพียงวีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) ก็สามารถเข้าได้ทุกประเทศที่เป็นสมาชิก Schengen สำหรับ วีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) นั้น ให้ยื่นคำร้องขอวีซ่าต่อสถานทูตของประเทศที่ จะเดินทางเข้าไปเป็นประเทศแรกที่ผู้เดินทาง เดินทางไปถึงยุโรป (ตัวอย่างเช่น เดินทางไป อิตาลี - สวิส - ฝรั่งเศส ประเทศที่จะออก วีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa) ให้คือ ประเทศ อิตาลี)

ประเทศยุโรป ที่สามารถใช้ วีซ่าเชงเก็น (Schengen Visa)
  • ออสเตรีย
  • เบลเยี่ยม
  • เดนมาร์ก
  • ฟินแลนด์
  • ฝรั่งเศส
  • เยอรมัน
  • กรีซ
  • ไอซ์แลนด์
  • อิตาลี
  • ลักเซมเบิร์ก
  • เนเธอร์แลนด์
  • นอร์เวย์
  • โปรตุเกส
  • สเปน
  • สวีเดน


สนธิสัญญามาสทริชต์


สนธิสัญญามาสทริชต์ สหภาพยุโรปเป็นการรวมกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการทำสนธิสัญญามาสทริชต์ (Treaty of Maastricht) ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อก่อตั้งสหภาพยุโรป ที่มีผลบังคับในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1993 


ความคิดในเรื่องการบูรณาการยุโรปมีมานานับศตวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ยุโรปได้รับความเสียหายจากสงครามเพราะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนเกือบ 10 ล้านคน ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะชาติยุโรปต่าง ๆขัดแย้งศัตรูระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี

นอกจากนี้ยังสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงครามร่วมกันได้ เพราะบทเรียนที่ชาติยุโรปได้รับก็คือ แต่เดิมชาติยุโรปต่างแข่งขันด้านเศรษฐกิจ โดยไม่คำนึงถึงชาติอื่น ๆ ทั้งนี้เป็นเพราะความรู้สึกเรื่องชาตินิยมทางเศรษฐกิจ ทำให้ในที่สุดได้กลายเป็นสงครามสู้รบที่นำความเสียหายมาสู่ยุโรปแต่ถ้ายุโรปรวมกันได้ก็จะเกิดการค้าเสรีภายในยุโรปและขจัดอุปสรรคเกี่ยวกับชาติ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้า ทุน แรงงานและบริการและการผลิตสินค้าที่อยู่ในกรอบของภูมิภาคไม่ใช่เป็นการผลิตสินค้าโดยแต่ละประเทศ

นอกจากนี้การบูรณาการยุโรปเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่ว่าประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเข้ามามีอิทธิพลแทรกแซงยุโรปตะวันตกซึ่งถ้ายุโรปรวมกันได้ก็จะกลายเป็นพลังอำนาจทัดเทียมกับสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต

แผนการบูรณาการยุโรปในตอนแรกเกิดอุปสรรคเนื่องจากสหภาพโซเวียตซึ่งมีอิทธิพลเหนือประเทศยุโรปตะวันออกไม่ยอมให้ประเทศเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับประเทศยุโรปตะวันตกแต่ผู้นำประเทศยุโรปต่างพยายามแก้ไขปัญหาและดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการรวมกลุ่มต่าง ๆ เช่น ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้ายุโรป หรืออีซีเอสซี (European Coal and Steel Community-ECSC) ประชาคมเศรษฐกิจยุโรปหรืออีอีซี (European Economic Community-EEC) และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรปหรือยูราตอม (European Atomic Energe Community : Euratom) การรวมกลุ่มต่าง ๆเหล่านี้ได้พัฒนาเป็นการรวมกลุ่มที่เรียกว่า สหภาพยุโรปหรืออียูในที่สุด โดยมีสมาชิกก่อตั้ง 15 ประเทศ ปัจจุบันสหภาพยุโรปมีสมาชิก 25 ประเทศ
รายชื่อสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศ
1. ออสเตรีย
2. เบลเยียม
3. เดนมาร์ก
4. ฟินแลนด์
5. ฝรั่งเศส
6. เยอรมนี
7. กรีซ
8. ไอร์แลนด์
9. อิตาลี
10. ลักเซมเบิร์ก
11. เนเธอร์แลนด์
12. โปรตุเกส
13. สเปน       
14. สวีเดน
15. สหราชอาณาจักร
16. ไซปรัส
17. เช็ก
18. เอสโตเนีย
19. ฮังการี
20. ลัตเวีย
21. ลิทัวเนีย
22. มอลตา
23. โปแลนด์
24. สโลวีเนีย
25. สโลวะเกีย

ยอดมนุษย์



vadgo.jpg (12849 bytes)

วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama)

                การค้นหาเส้นทางเดินเรือจากยุโรปมายังเอเซีย เริ่มโดน ดีแอส และ ดีโอโก แคม แต่ภาระนี้ได้สำเร็จลงโดย วาสโก ดา กามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส
               วาสโก ดา กามา ได้ตั้งต้นจากลิสบอน และแล่นเรือไปยังหมู่เกาะเคปเวอร์ด โดยแล่นไปทางใต้อ้อมแหลมกู้ดโฮป ไปตามชายฝั่งตะวันออกไกลไปทางเหนือจนมาถึงมาลีนดี (คีนยา) เขาได้ข้ามมหาสมุทรอินเดีย   และในปีค.ศ. 1498 ก็ได้บรรลุ ถึงชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย   และในปี ค.ศ.1499 เขาก็เดินทางกลับโปรตุเกส และได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เขาเดินทางไปอินเดียอีกสองครั้ง ในปี ค.ศ.1502 และค.ศ. 1524.

เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป


เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในอดีต

[แก้]เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในขณะนี้



[แก้]เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในอนาคต

จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของอียู[1]
หมายเหตุ: ระหว่าง ค.ศ. 2007 และ 2025 จะมีหลายเมืองที่ได้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป