วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นมนมนม :)

        เคยมีความเชื่อกันว่า หากต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก จะต้องงดดื่มนม เพราะนมจะทำให้อ้วนขึ้น แต่ไม่นานมานี้ ด๊อกเตอร์ ไมเคิล ซีเมล ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการอาหารและยา แห่งมหาวิทยาลัยรัฐเทนเนสซี่  แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา  ได้ออกมารายงานผลวิจัยว่า   การดื่มนมไขมันต่ำในช่วงที่กำลังควบคุมน้ำหนักประมาณ 2 - 3 แก้วต่อวันเป็นประจำ  แทนที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่ม  กลับช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้อีกต่างหาก 

งานวิจัยนี้ได้รับความสนใจจากชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก  รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากโปรเฟสเซอร์ ราเชล โนโวทนี่  หัวหน้าคณะวิชาวิทยาศาสตร์โภชนาการแห่งมหาวิทยาลัยรัฐฮาวายอีกด้วย  และในที่สุดองค์กรรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาที่ทำหน้าดูแลผลิตภัณฑ์อาหารจากนมสด ในประเทศ (
Nation Dairy Council)  ก็ได้ใช้งบประมาณสนับสนุนมากถึง 200 ล้านดอลล่าร์  ทำการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้คนที่ต้องการลดความอ้วนหันมาดื่มนมกัน
ด็อกเตอร์ไมเคิลได้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้นั้น เป็นเพราะนมมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณมาก อีกทั้งยังมีสารอาหารสำคัญอื่นๆอาทิ แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และอีกมากมาย  ช่วยเสริมกันทำให้ฮอร์โมนสร้างเซลล์ไขมันในร่างกายที่ชื่อ  แคลซิไทออล (Calcitriol) ทำงานได้ปกติ   ไม่ผลิตเซลล์ไขมันมากจนเกินไป  

(ปกติ  ถ้าร่างกายมีปริมาณแคลเซี่ยมน้อย  ฮอร์โมนดังกล่าวจะถูกกระตุ้นให้ผลิตเซลล์ไขมันขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ  และถูกนำไปฝังตัวตามส่วนต่างๆของร่างกาย  โดยเฉพาะรอบเอว  ต้นขา  และต้นแขน) 

นอกจากนี้  จากการศึกษาก็ยังพบว่า  แคลเซี่ยมสามารถช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้อีกทางหนึ่ง

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มรดกโลก..


มหาวิหารโนเทรอดามแห่งอาเมียงส์ เมืองอาเมียงส์ ประเทศฝรั่งเศส
 
มหาวิหารอาเมียงส์ (ภาษาฝรั่งเศส: Cathédrale Notre-Dame d'Amiens; ภาษาอังกฤษ: Amiens Cathedral) มีชื่อเต็มว่า “Cathédrale Notre-Dame d'Amiens” หรือในภาษาอังกฤษว่า “Cathedral of Our Lady of Amiens” เป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส มีเนื้อที่ภายในกว้างใหญ่ถึง 200,000 ตารางเมตร หลังคาโค้งกอธิคสูง 42.30 เมตรซึ่งเป็นหลังคากอธิคที่สูงที่สุดในฝรั่งเศส ตัวมหาวิหารตั้งอยู่ที่เมืองอาเมียงซึ่งเป็นเมืองสำคัญของพิคาร์ดี (Picardy) ในหุบเขาซอม (Somme) อยู่เหนือจากปารีสประมาณ 100 กิโลเมตร

ประวัติ
ด้านหน้าวัดสร้างรวดเดียวเสร็จ--ระหว่างปี ค. ศ. 1220 ถึงปี ค. ศ. 1236--ลักษณะจึงกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตอนล่างสุดของด้านหน้าวัดเป็นประตูเว้าลึกใหญ่สามประตู เหนือระดับประตูขึ้นไปชั้นหนึ่งเป็นหินสลักขนาดใหญ่กว่าคนจริงของพระเจ้า แผ่นดิน 22 พระองค์เรียงเป็นแนวตลอดด้านหน้ามหาวิหารภายใต้หน้าต่างกุหลาบ สองข้างด้านหน้าประกบด้วยหอใหญ่สองหอ หอด้านใต้สร้างเสร็จเมื่อปี ค. ศ. 1366 หอทางทิศเหนือสร้างเสร็จ 40 ปีต่อมาเมื่อปี ค. ศ. 1406 และเป็นหอที่สูงกว่า
 

มหาวิหารโนเทรอดามแห่งอาเมียงส์,เมืองอาเมียงส์,ประเทศฝรั่งเศส
เอกสารที่เกี่ยวกับประวัติการสร้างมหาวิหารนี้ถูกทำลายไปหมดเมื่อสถานที่ เก็บรักษาเอกสารสำคัญของวัดถูกไฟไหม้ไปเมื่อปีค. ศ. 1218 และอีกครั้งเมื่อปีค. ศ. 1258 ครั้งหลังนี้ไฟได้ทำลายตัวมหาวิหารด้วย บาทหลวงเอฟราดเดอฟุยอี (Bishop Evrard de Fouilly) เริ่มสร้างมหาวิหารใหม่แทนมหาวิหารเดิมที่ไหม้ไปเมื่อ ค. ศ. 1220 โดยมีโรแบร์ต เดอ ลูซาส (Robert de Luzarches) เป็นสถาปนิก และลูกชายของโรแบร์ต--เรนอด เดอ คอร์มองท์ (Renaud de Cormont) เป็นสถาปนิกต่อมาจนถึงค. ศ. 1288

จดหมายเหตุคอร์บี (Chronicle of Corbie) บันทึกไว้ว่ามหาวิหารสร้างเสร็จเมื่อ ค. ศ. 1266 แต่ก็ยังมีการปิดงานต่อมา พื้นโถงกลางภายในมหาวิหารตกแต่งเป็นลวดลายต่างๆ หลายชนิดรวมทั้งลายสวัสดิกะ[1] ลายวนเขาวงกต (labyrinth) ซึ่งปูเมื่อปีค. ศ. 1288 นอกจากนั้นก็มีระเบียงรูปปั้นไม่ใหญ่นัก 3 ระเบียง 2 ระเบียงอยู่ด้านเหนือและด้านใต้ของบริเวณร้องเพลงสวด และระเบียงที่ 3 อยู่ทางด้านตะวันเหนือของแขนกางเขน เป็นเรื่องราวของนักบุญต่างๆ รวมทั้งชีวะประวัติของนักบุญจอห์น แบ็พทิสต์ มหาวิหารกล่าวว่าเป็นเจ้าของวัตถุมงคลที่สำคัญคือพระเศียรของนักบุญจอห์น แบ็พทิสต์ ซึ่งวัดได้มาจาก วอลลัน เดอ ซาตอง (Wallon de Sarton) ผู้ไปนำมาจากคอนสแตนติโนเปิล เมื่อกลับมาจากสงครามครูเสด ครั้งที่ 4

รูปปั้นด้านหน้าข้างประตูมหาวิหารที่บอกได้ว่าเป็นนักบุญที่มาจากแถวๆ อาเมียงก็ได้แก่ นักบุญวิคทอเรียส, ฟูเซียน, และเจ็นเตียง (St. Victoricus, St. Fuscian, และ St. Gentian) ผู้พลีชีพเพื่อศาสนาไม่นานจากกันในคริสต์ศควรรษที่ 3 กล่าวกันว่าเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 บาทหลวงโฮโนราทุส (Bishop Honoratus) ผู้เป็นบาทหลวงองค์ที่ 7 ของมหาวิหารอาเมียงได้ขุดพบวัตถุมงคลของนักบุญทั้งสาม เมื่อพระเจ้าชิเดอแบรต์ที่ 2แห่งปารีส (Childebert II) พยายามยึดวัตถุมงคลก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อไม่สามารถทำได้ก็ทรงอุทิศเงินก้อนใหญ่ให้กลุ่มลัทธิของผู้นิยมนักบุญ ทั้งสามและทรงส่งช่างทองมาทำเครื่องตกแต่งเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญ

นักบุญอื่นที่เป็นนักบุญท้องถิ่นที่มีรูปปั้นอยู่หน้าประตูคือนักบุญโดมิ เทียส (St. Domitius) ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ผู้เคยเป็นนักบวชที่มหาวิหาร นักบุญอุลเฟีย (St. Ulphia) ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ผู้เคยเป็นลูกศิษย์ของนักบุญอุลเฟียและเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มสตรีผู้เคร่ง ศาสนาในบริเวณอาเมียง นักบุญแฟแมง (St Fermin) ในคริสต์ศตวรรษที่ 3 ผู้ถูกประหารชีวิตที่อาเมียง
 

ประตูชัยฝรั่งเศส:")




ประตูชัยฝรั่งเศส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
 
      เป็นอนุสรณ์สถานสำคัญแห่งกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกลล์ (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม จัตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตกของชองป์-เซลิเซ่ส์ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีถึงวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย

           ประตูชัยแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์" (L'Axe historique) ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเกรุงปารีส ประตูชัยแห่งนี้ออกแบบโดย ฌอง ชาลแกร็งในปี พ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้กับทหารเยอรมัน เต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใจ และเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1ประตูชัยฝรั่งเศสมีความสูง 49.5 เมตร (165 ฟุต) กว้าง 45 เมตร (148 ฟุต) และลึก 22 เมตร (72 ฟุต) เป็นประตูชัยที่ใหญ่รองเป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แบบของประตูชัยฝรั่งเศสนี้ได้แนวความคิดมาจากประตูชัยไตตัส ประตูชัยฝรั่งเศสมีความใหญ่มาก เพราะหลังจากมีการสวนสนามในปรุงปารีสเมื่อปี พ.ศ. 2462 ชาร์ลส์ โกดฟรัว ได้ขับเครื่องบินนีอูปอร์ต (Nieuport) ผ่านกลางประตูชัยฝรั่งเศสเพื่อเป็นการสดุดีเหล่าทหารอากาศที่ได้เสียชีวิตในสงครามโลก

+.GN"

Good night น้ะน้ะจ้ะ ทุกคน
ดึกแล้วๆ นอนกันเถอะเนอะ

บ๊าย บาย :")

ดึก ดึก...

ตอนนี้ไม่รู้ว่า ใครจะหลับกันไปหมดยังน้ะ
แต่ที่รู้ๆ ก็คือ เรายังมั่ยดั้ยนอนเลย

เซ็งๆ เครียดๆ:"(

วันนี้ วันนี้...

เดี๋ยวนี้ทำไม การบ้านมันชักจะมากขึ้นเรื่อยๆน้ะ
ไม่รู้ว่าจะเลือกทำอันไหนก่อนเลย

แล้วก็ใกล้จะสอบอิกต่างหาก เฮ้อ:"(

ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส


ข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส ข้อมูลทั่วไป: ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หากดูในแผนที่แล้วจะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายรูปหกเหลี่ยม อีกทั้งยังมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่กินอาณาบริเวณกว้าง

การขอวีซ่า: เอกสารที่ต้องเตรียมนะคะ
1. รูปถ่ายสี ขนาด 1.5 - 2 นิ้ว 2 ใบ
2. หนังสือเดินทางของท่านที่มีอายุการใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน นับจากวันเดินทาง
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. ทะเบียนสมรส/ ใบหย่า (ถ้ามี)
6. สำเนาสูติบัตร ในกรณีที่อายุไม่ถึง 20 ปี
7. สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ/ นามสกุล (ถ้ามี)
8. สมุดบัญชีเงินฝากตัวจริงที่อัพเดทเป็นปัจจุบัน พร้อมสำเนา (ออมทรัพย์/ ประจำ ย้อนหลัง 6 เดือน)
9. หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท หรือนายจ้าง ซึ่งจะต้องมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ทำ และมีการอนุมัติการลาพักร้อนมาด้วยนะคะ แต่ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทเอง จะต้องแสดงหลักฐานการจดทะเบียนการค้ามาด้วยค่ะ
10. กรมธรรม์ประกันสุขภาพ ที่คุ้มครองท่านตลอดระยะเวลาการเดินทาง ตลอดจนในกรณีที่ต้องนำส่งกลับประเทศไทย วงเงินขั้นต่ำ 30,000 ยูโร หรือประมาณ 1,500,000 บาท
11. เอกสารรับรองห้องพักจากทางโรงแรมในฝรั่งเศส
12. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินที่ระบุวันเดินทางไป-กลับโดยชัดเจนv 13. สถานที่ที่จะไปเที่ยวในกลุ่มประเทศ Schengen (Itinerary)


สถานทูตไทยในฝรั่งเศส:
L'AMBASSADE ROYALE DE THAILANDE 8, Rue Greuze 75116 Paris
โทร: (331) 5626 5050
แฟกซ์: (331) 5626 0445/46
เปิดทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.30 - 12.30 น. และ 14.30 - 17.30 น.

ภาษาที่ใช้: ชาวฝรั่งเศสจะพูดภาษาของตัวเอง คือ ภาษาฝรั่งเศส ฉะนั้น การทำสัญญาใดๆ ก็ตาม เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การศึกษา จะต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก ปัจจุบัน ภาษาฝรั่งเศส มีคนนิยมใช้กันมากขึ้นอย่างเช่นใน สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา เป็นต้น

ความแตกต่างของเวลา: เวลาของประเทศฝรั่งเศสจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง เมื่อไปถึงแล้วอย่าลืมปรับนาฬิกาด้วยนะคะ

สภาพอากาศ: นครปารีส อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 12 องศาเซลเซียส แต่อาจจะไม่แน่นอนเสมอไป เพราะบางครั้งในกรุงปารีส ก็จะมีฝนตกตลอดทั้งปี หรือบางครั้งถ้าเป็นฤดูหนาว จะมีอุณหภูมิต่ำลงถึงประมาณ 3 องศาเซลเซียส เลยก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้น การเดินทางไปเมืองปารีส จะต้องเตรียมเสื้อผ้าไว้หลากหลายรูปแบบ พร้อมรับมือกับสภาพอากาศของฝรั่งเศสกันด้วยนะคะ

ธงประจำชาติ ประเทศฝรั่งเศสค่าเงิน และการธนาคาร: ฝรั่งเศสใช้เงินฟรังค์ (FF) ซึ่งเท่ากับเงินไทยประมาณ 40 บาท ค่าเงินจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาขณะที่แลกในช่วงนั้นด้วยนะคะ เงินฟรังค์จะแบ่งเป็นมูลค่า 500, 200, 100, 50 และ 20 ฟรังค์ เงินเหรียญของฝรั่งเศสมีมูลค่าตั้งแต่ 50, 20, 10 และ 5 ซองตีม โดยเหรียญ 50 ซอง จะออกมาในลักษณะ ฟรังค์ ค่ะ

ระบบไฟฟ้า: ฝรั่งเศสใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนประเทศไทยคือเป็นแบบ 220 โวลต์ บางที่ก็เป็นปลั๊กสองตา บางที่ก็เป็นปลั๊กชนิดสามขา เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องเตรียมปลั๊กเสียบ หรือ Adapter มาจากเมืองไทย จะได้สามารถใช้ปลั๊กได้ทั้ง 2 แบบค่ะ

น้ำประปา: ระบบน้ำประปาในฝรั่งเศสสะอาดจนสามารถดื่มได้จากก๊อกเลย แต่ถ้าน้ำจากก๊อกที่ไหนไม่สะอาดพอ จะมีป้ายบอกไว้เสมอว่าไม่สามารถดื่มได้ หรือคำว่า eau non potable ลองสังเกตดูนะคะ

ระบบโทรศัพท์: โทรศัพท์สาธารณะในฝรั่งเศสมีทั้งแบบใช้บัตรและแบบหยอดเหรียญ ถ้าเป็นในเมืองใหญ่ๆ มักจะเป็นแบบใช้บัตร ซึ่งหากต้องการโทรศัพท์กลับมาเมืองไทย ขอแนะนำให้ใช้บัตรโทรศัพท์จะสะดวกกว่าแบบหยอดเหรียญ ท่านสามารถหาซื้อบัตรโทรศัพท์ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ แผงขายหนังสือที่มีอยู่ทั่วไปหรือตามสถานีรถไฟ และร้านขายของที่มีป้ายติดว่าจำหน่ายบัตรโทรศัพท์ หรือ Telecarte หากจะโทรศัพท์มาประเทศไทยด้วยโทรศัพท์สาธารณะจะต้องหมุน 19+66+รหัสเมือง+หมายเลขที่ต้องการ แต่ถ้าอยู่ที่เมืองอื่นๆ ในฝรั่งเศส นอกเหนือจากมหานครปารีส และต้องการจะโทรศัพท์มายังปารีส หมุนหมายเลข 16+1+หมายเลขที่ท่านต้องการได้เลยค่ะ

ข้อแนะนำพิเศษ: ตามร้านอาหารหรือภัตตาคารส่วนใหญ่ในฝรั่งเศส จะคิดค่าเซอร์วิสชาร์จประมาณ 10-15% ของราคาอาหาร ดังนั้นการทิปอาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก แต่คนส่วนมากมักจะให้เศษเหรียญ หรือเงินสัก 2-3 ฟรังค์ ไม่ว่าอาหารที่ทานจะมีราคาเท่าไหร่ก็ตาม หรือถ้าเราพอใจการบริการของเขา ก็อาจจะทิปให้มากก็ได้ค่ะ ถ้าไปนั่งจิบกาแฟที่คอฟฟี่ช็อป ควรจะให้ทิปไว้สัก 1 ฟรังค์ แต่ถ้าบริการไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องทิปค่ะ ทั้งนี้ ในส่วนของการโดยสารแท็กซี่ และการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ปกติจะทิปประมาณ 2-3 ฟรังค์ค่ะ

ไวน์ - แชมเปญ และ บาแกตต์ (Baquette)อาหารท้องถิ่น: เที่ยวชมรอบเมืองแล้ว ก็ต้องแวะชิมอาหารเลื่องชื่อของฝรั่งเศสกันซักหน่อย เพราะประเทศนี้เขาโด่งดังด้านอาหารการกินอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นแหล่งผลิตไวน์ และ แชมเปญที่สำคัญที่สุดของโลกในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไวน์แดงและไวน์ขาว สำหรับขนมปังก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ขนมปังของฝรั่งเศสจะเรียกว่า บาแกตต์ (Baquette) มีเอกลักษณ์พิเศษกว่าใคร ด้วยการทำเป็นทรงยาวกว่า 2 ฟุต รูปร่างคล้ายกระบองเลย เวลาทานมักบิออกด้วยมือ หรือฝานออกเป็นชิ้นๆ ส่วนอีกชนิดที่นิยมคือ ครัวซองต์ ค่ะ ท่านสามารถลิ้มลองได้ในรายการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า จากภัตตาคารภายในที่พักในฝรั่งเศสของท่าน นอกจากนี้ยังมี เครป ขนมสุดฮิตของชาวปารีเซียง และ เอแคลร์ ขนมที่เป็นที่รู้จักกันดีของชาวฝรั่งเศส สำหรับเป็นทางเลือกอีกด้วยนะคะ

แหล่งช้อปปิ้ง: ฝรั่งเศส เรียกได้ว่าเป็นเมืองแฟชั่นก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นของประเทศฝรั่งเศสจึงมีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะถือเป็นศูนย์รวมของดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นต้นฉบับของแฟชั่นทั่วโลก รูปแบบของเสื้อผ้าจะค่อนข้างทันสมัย สำหรับสินค้าอีกอย่างที่เลื่องลืออย่างมากคือ น้ำหอม นักท่องเที่ยวทั่วไปนิยมซื้อน้ำหอมยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับการผลิต เพราะจะมีราคาถูกกว่าที่นำมาขายในต่างประเทศมาก เมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆ คือ เมืองนีส คานส์ ริเวียร่า ส่วนยี่ห้อน้ำหอมที่โดดเด่นของฝรั่งเศสได้แก่ Christian Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne เป็นต้น

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

-Jean-Jacques Rousseau+.+

Jean-Jacques Rousseau


Jean-Jacques Rousseau, né le 28 juin 1712 à Genève et mort le 2 juillet 1778 à Ermenonville, est un écrivain, philosophe et musicien genevois de langue française. Il est l'un des plus illustres philosophes du siècle des Lumières et l'un des pères spirituels de la Révolution française. Tous se réclament de lui. Les révolutionnaires, d'un extrême à l'autre, prétendent « ne marcher que le Contrat social à la main ». Paradoxalement, les théoriciens de la contre-révolution (Joseph de Maistre, Louis-Gabriel de Bonald) se réclament eux aussi de Rousseau. Il était considéré par Arthur Schopenhauer comme le « plus grand des moralistes modernes ». Schopenhauer disait : « Ma théorie a pour elle l'autorité du plus grand des moralistes modernes : car tel est assurément le rang qui revient à J.-J. Rousseau, à celui qui a connu si à fond le cœur humain, à celui qui puisa sa sagesse, non dans des livres, mais dans la vie ; qui produisit sa doctrine non pour la Chaire, mais pour l'humanité ; à cet ennemi des préjugés, à ce nourrisson de la nature, qui tient de sa mère le don de moraliser sans ennuyer, parce qu'il possède la vérité, et qu'il émeut les cœurs ». Ses travaux ont influencé grandement l'esprit révolutionnaire français. Il est particulièrement célèbre pour ses travaux sur l'homme, la société ainsi que sur l'éducation. La philosophie politique de Rousseau se situe dans la perspective dite contractualiste des philosophes britanniques des XVIIe et XVIIIe siècles, et son fameux Discours sur l'inégalité se conçoit aisément comme un dialogue avec l'œuvre de Thomas Hobbes. Rousseau était d'une grande sensibilité. David Hume disait de Rousseau : « He has only felt during the whole course of his life, and in this respect his sensibility rises to a pitch beyond what I have seen any example of ; but it still gives him a more acute feeling of pain than of pleasure. He is like a man who was stripped not only of his clothes, but of his skin, and turned out in this situation to combat with the rude and boisterous elements ». Bertrand Russell d'ajouter : « This is the kindest summary of his character that is in any degree compatible with truth »

Blaise Pascal:")

ปาสคาล (Blaise Pascal)



    ชื่อเต็ม ๆ ว่า Blaise Pascal ปาสคาลไม่ใช่ผู้พัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ที่ชื่อภาษาปาสคาล ปาสคาลเกิดวันที่ 16 เดือนมิถุนายน ปีค.ศ. 1623 ที่ประเทศฝรั่งเศส ช่วงที่ปาสคาลยังมีชีวิตอยู่มีระยะเวลากว่า 300 ร้อยปีก่อนที่จะมีคอมพิวเตอร์ ดร.เวียตผู้พัฒนาภาษาปาสคาลได้ตั้งชื่อภาษาให้เป็นเกียรติแก่ปาสคาล ทั้งนี้เพราะปาสคาลเป็นนักคณิตศาสตร์ผู้หนึ่งในยุคการพัฒนาวิชาคณิตศาสตร์ใน ช่วงศตวรรตที่ 16-17

    ปาสคาลเป็นผู้มีจินตนาการและความคิดที่กว้างไกล ปาสคาลได้ศึกษาแนวคิดของยูคลิดในเรื่อง Elements ในช่วงอายุยังวัยเยาว์ เขาทำความเข้าใจหลักและทฤษฎีหลายอย่างของยูคลิดได้ก่อนอายุ 12 ปี นอกจากนี้เขามีความสนใจในเรื่องวิชาฟิสิกส์ โดยเฉพาะในเรื่องของเหลว และแรงดันของเหลว โดยนำหลักการของอาร์คีมีดีสมาใช้ จนในที่สุดเขานำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องจักรไฮดรอลิกที่มีประโยชน์อย่างมากใน การยกน้ำหนัก และยังได้อธิบายหลักการของความดันของเหลว
พ่อของปาสคาลทำ หน้าที่เป็นหน่วยเก็บภาษีให้รัฐบาลฝรั่งเศส ครอบครัวของเขาจึงต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขของเงินทองจำนวนมาก ด้วยความติดที่อยากจะหาเครื่องจักรเข้ามาช่วยเป็นเครื่องคำนวณคิดเลข เขาได้ประดิษฐ์เครื่องคิดเลขแบบกลไกขึ้น เขาใช้เวลาถึง 3 ปีในการประดิษฐ์ และสร้างขึ้นมาใช้งาน และประสบผลสำเร็จด้วยดี

    ปาสคาลแสดงให้เห็นความเป็นคนช่างคิด และพัฒนาอย่างดียิ่งเพียงเมื่อเขามีอายุได้ 16 ปี ปาสคาลได้เสนอผลงานวิจัยในบทความที่เขานำเสนอ ได้แก่ "Essay on Conic Sections" ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรูปตัดกรวย ที่แสดงการวิเคราะห์เชิงเรขาคณิตและคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาปาสคาลได้มีโอกาสศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ชั้นสูงขึ้นกับแฟร์มาต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องรากฐานแคลคูลัส และทฤษฎีความน่าจะเป็น

    ผลงานอย่างหนึ่งที่เรารู้จักกันดีคือ สามเหลี่ยมปาสคาล ซึ่งเป็นตัวเลขที่จัดทรงเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งในชีวิตประจำวันของเราเกี่ยวข้องกับตัวเลขเหล่านี้อยู่มาก

Louis Pasteur

หลุยส์ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur)
( พ.ศ. 2365-2395)
           นัก วิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยา เกิดที่เมืองโดล ประเทศฝรั่งเศส ได้รับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเบซากองและมหาวิทยาลัยปารีส ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ในสถาบันการศึกษาที่สตราบวร์ก ลิลล์ และมหาวิทยาลัยปารีส และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์สาขาเคมีที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ในปี พ.ศ. 2410

หลุยส์ ปาสเตอร์

หลุยส์ ปาสเตอร์
           ปาส เตอร์เป็นผู้แถลงว่าการเน่าและการหมักเกิดจากเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์ ปาสเตอร์ได้ค้นพบปรากฏการณ์นี้ในระหว่างการศึกษาว่าเหตุใดเหล้าองุ่นจึงเสีย รสขณะบ่ม แต่เมื่อนำเหล้าองุ่นไปอุ่นให้ร้อนแล้วจึงป้องกันไม่เหล้าองุ่นกลายเป็นน้ำ ส้มสายชูได้ ซึ่งการกระทำลักษณะนี้ต่อมาได้พัฒนาเป็นการฆ่าเชื้อวิธีปาสเตอร์ (Pasteurization) การค้นพบนี้ทำให้สาขาวิชาจุลชีววิทยาโดดเด่นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
           การ ทดลองที่มีชื่อเสียงของปาสเตอร์เมื่อปี พ.ศ. 2424 ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแกะและวัวที่ได้รับการฉีด “วัคซีน” ที่ทำจากเชื้อจุลินทรีย์บาซิลลิ ซึ่งเป็นเป็นสมติฐานของโรคแอนแทรคที่ถูกทำให้อ่อนจางลงของเขา สามารถต่อสู้กับโรคระบาดที่มีอันตรายของสัตว์คือโรคแอนแทรคดังกล่าวได้โดย ไม่ติดโรค ในปี พ.ศ. 2431 สถาบันปาสเตอร์ได้รับการจัดตั้งขึ้นในกรุงปารีสเพื่อต่อสู้กับโรคพิษสุนัข บ้า ซึ่งปาสเตอร์ได้ทำงานประจำในสถาบันนี้จนถึงแก่กรรม
           ปัจจุบัน สถาบันปาสเตอร์ยังคงเป็นสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกที่ยังคงทำงาน วิจัยงานด้านจุลชีววิทยาอยู่ รวมทั้งการค้นพบเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเอดส์
           หลุยส์ ปาสเตอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่โลก

สัญญาประชาคม น้ะจ้ะ

     สัญญาประชาคม (อังกฤษ: Social contract) ในความหมายที่นำมาใช้ในการเมืองไทยปัจจุบัน หมายถึง ความตกลงร่วมกันของประชาชน กลุ่มผลประโยชน์ร่วมกันหรือกลุ่มคนที่มีแนวความคิดเดียวกัน กับฝ่ายตรงข้าม เพื่อเป็นการแสวงความตกลงและทางออกของปัญหาซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลกระทบในวง กว้างซึ่งหากปล่อยไว้อาจจะก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม
ความหมายที่แท้จริงนั้น "สัญญาประชาคม" หมายถึง ทฤษฎีสัญญาประชาคม อันเป็นนัยตามหลักกฎหมายธรรมชาติ มีลักษณะเป็น สำนึกของจริยธรรม ที่ผู้ปกครองควรตระหนักถึง สิทธิบางประการที่ผู้อยู่ใต้ปกครอง (ประชาคม) ได้ยอมสละไป (อาจเรียกได้ว่ายอมอยู่ใต้อำนาจของผู้ปกครอง) เพื่อความปลอดภัยของตนในสิทธิและเสรีภาพที่ยังคงเหลืออยู่ แนวคิดเช่นนี้เองที่เป็นพื้นฐานของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย โดยตรรกกะจากสำนึกจริยธรรมดังกล่าว หากมองในมุมกลับกันก็หมายความว่า อำนาจแท้จริงของผู้ปกครองนั้นมาจากประชาชนนั่นเอง ดังนั้นประชาชนควรจะเป็นผู้ที่ใช้สิทธิของตนเลือกผู้ปกครองขึ้นมา และในการนี้วิธีที่เหมาะสมก็คือการใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน
มีนักคิดหลายคนที่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนในการริเริ่มแนวคิดเรื่องสัญญาประชาคม เช่น

Gobi...

ทะเลทรายโกบี 
   







     ทะเลทรายโกบีตั้งบริเวณรอยต่อของประเทศมองโกเลียตอนใต้ กับ ประเทศจีนทางตอนเหนือบริเวณเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน เป็นทะเลทรายที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ทอดตัวเป็นแนวโค้งยาว 1,600 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่พอๆกับรัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกา ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเล 900-1,500 เมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินล้วนทางด้านตะวันออก ส่วนด้านตะวันตกเป็นทราย

ลำดับประชากรของโลก

   
ลำดับ              ประเทศ                                          จำนวนประชากร












1                      ธงของสาธารณรัฐประชาชนจีน จีน
ไม่นับรวมเขตปกครองพิเศษ
1,344,860,000


2 ธงของสาธารณรัฐอินเดีย อินเดีย 1,195,840,000


3 ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกา 312,398,000


4 ธงของประเทศอินโดนีเซีย อินโดนีเซีย 231,369,500


5 ธงของประเทศบราซิล บราซิล 194,947,000


6 ธงของประเทศปากีสถาน ปากีสถาน 172,852,500


7 ธงของประเทศบังกลาเทศ บังกลาเทศ 162,221,000


8 ธงของประเทศไนจีเรีย ไนจีเรีย 154,729,000


9 ธงของสหพันธรัฐรัสเซีย รัสเซีย 141,838,000


10 ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น 127,590,000


11 ธงของประเทศเม็กซิโก เม็กซิโก 107,550,697


12 ธงของประเทศฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์ 92,222,660


13 ธงของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เวียดนาม 90,549,390


14 ธงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เยอรมนี 82,046,000


15 ธงของสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย เอธิโอเปีย 79,221,000


16 ธงของประเทศอียิปต์ อียิปต์ 78,945,000


17 ธงของประเทศอิหร่าน อิหร่าน 74,196,000


18 ธงของประเทศตุรกี ตุรกี 71,517,100


19 ธงชาติของไทย ไทย 67,354,820


20 ธงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 66,020,000


21 ธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
รวมดินแดนโพ้นทะเลอีก 7 แห่ง
65,073,482
เฉพาะฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่
คิดเป็น 64,303,482 คน



22 ธงของสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักร 61,634,599


23 ธงของประเทศอิตาลี อิตาลี 57,354,820


24 ธงของสหภาพเมียนมาร์ พม่า 50,020,000


25 ธงของประเทศแอฟริกาใต้ แอฟริกาใต้ 49,320,000


26 ธงของประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้ 48,333,000


27 ธงของประเทศยูเครน ยูเครน 46,029,281


28 ธงของประเทศสเปน สเปน 45,929,476


29 ธงของประเทศโคลอมเบีย โคลอมเบีย 45,094,646


30 ธงของสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย แทนซาเนีย 43,739,000


31 ธงของสาธารณรัฐซูดาน ซูดาน 42,272,000


32 ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา 40,134,425


33 ธงของสาธารณรัฐเคนยา เคนยา 39,802,000


34 ธงของประเทศโปแลนด์ โปแลนด์ 38,100,700


35 ธงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย แอลจีเรีย 34,895,000


36 ธงของประเทศแคนาดา แคนาดา 34,456,000


37 ธงของสาธารณรัฐยูกันดา ยูกันดา 32,710,000


38 ธงของราชอาณาจักรโมร็อกโก โมร็อกโก 31,591,183


39 ธงของประเทศอิรัก อิรัก 30,747,000


40 ธงของสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เนปาล 29,331,000


41 ธงของประเทศเปรู เปรู 29,132,013


42 ธงของประเทศเวเนซุเอลา เวเนซุเอลา 28,482,150


43 ธงของประเทศอัฟกานิสถาน อัฟกานิสถาน 28,150,000


44 ธงของสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน อุซเบกิสถาน 27,488,000


45 ธงของประเทศมาเลเซีย มาเลเซีย 27,468,000


46 ธงของประเทศซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบีย 25,721,000


47 ธงของประเทศเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือ 24,051,706


48 ธงของประเทศกานา กานา 23,837,000


49 ธงของประเทศเยเมน เยเมน 23,580,000


50 ธงของสาธารณรัฐจีน ไต้หวัน
และเกาะใกล้เคียงอื่น ๆ
ซึ่งถูกพิจารณาว่าเป็นหมู่เกาะไต้หวัน
23,069,345