วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แอฟริกาใต้ จัดพิธีฝังศพ เนลสัน แมนเดลา ที่บ้านเกิด


เนลสัน แมนเดลา

เนลสัน แมนเดลา

พิธีฝังศพของ นายเนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแห่งแอฟริกาใต้ จะถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคมนี้ ในแบบรัฐพิธีที่บ้านเกิดของเขาในเมืองคูนุ จังหวัดอีสเทิร์นเคป

          วันนี้ (7 ธันวาคม 2556) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา แห่งแอฟริกาใต้ แถลงว่าศพของ นายเนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น จะถูกนำไปประกอบพิธีฝังศพแบบรัฐพิธีที่บ้านเกิดของเขาในเมืองคูนุ จังหวัดอีสเทิร์นเคป ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคมนี้ 
          สำหรับวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคมนี้ จะเป็นวันแห่งการสวดมนต์ทั่วประเทศ ขณะที่งานไว้อาลัยแก่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แฟ่งแอฟริกาใต้นี้ จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม ที่สนามฟุตบอลของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในปี 2010 โดยจะมีการจัดงานไว้อาลัยเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้น ศพของนายแมนเดลา จะถูกนำไปไว้ที่อาคารที่ทำการของรัฐบาลแอฟริกาใต้ ในกรุงพริตอเรีย ตั้งแต่วันพุธที่ 11 ธันวาคม จนถึงวันฝังศพ

          ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจาค็อบ ซูมา ยังได้กล่าวขอบคุณประชาชนจากทั่วโลกที่ได้ส่งสารแสดงความเสียใจไปถึงครอบครัวของนายแมนเดลาด้วย

10 คำคม เนลสัน แมนเดลา รัฐบุรุษแห่งแอฟริกาใต้ผู้จากไป




  แต่แม้ว่าท่านจะจากไปอย่างสงบแล้ว รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งแอฟริกาใต้ เนลสัน แมนเดลา ก็ยังคงทิ้งหลาย ๆ สิ่งที่มีค่าเอาไว้ให้แก่คนรุ่นหลังเช่นเราได้เก็บไปคิด ไปศึกษา และเก็บนำไปใช้ต่อไป และเพื่อเป็นการอาลัยต่อการจากไปของท่าน กระปุกดอทคอม ขอคัดเอา 10 คำคม ประโยคทรงคุณค่าของ เนลสัน แมนเดลา กับข้อคิดดี ๆ ที่มีแฝงไว้ในทุกตัวอักษรมาฝากกัน



"For to be free is not merely to cast off one’s chains, but to live in a way that respects and enhances the freedom of others."

อิสระหาใช่การปลดโซ่ตรวนที่ล่ามไว้ หากแต่คือการดำเนินชีวิตอยู่อย่างเคารพและส่งเสริมเสรีภาพของผู้อื่น 





"When a man is denied the right to live the life he believes in, he has no choice but to become an outlaw."

เมื่อคนคนหนึ่งถูกปฏิเสธไม่ให้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาเชื่อได้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะกลายเป็นพวกนอกกฎหมาย





"Do not judge me by my successes, judge me by how many times I fell down and got back up again."

อย่าได้ให้ค่าผมเพราะความสำเร็จที่ผมได้มา แต่ให้ดูจากทุก ๆ ครั้งที่ผมล้มเหลวแล้วลุกขึ้นมาได้ใหม่ 





"As I walked out the door toward the gate that would lead to my freedom, I knew if I didn't leave my bitterness and hatred behind, I'd still be in prison." 

เมื่อผมได้ก้าวผ่านประตูไปยังทางออกซึ่งนำผมไปสู่อิสรภาพ ผมรู้ว่าหากไม่ทิ้งความขมขื่นใจและความเกลียดชังไปเสีย ผมก็ยังจะถูกคุมขังอยู่นั่นเอง




"As I have said, the first thing is to be honest with yourself. You can never have an impact on society if you have not changed yourself... Great peacemakers are all people of integrity, of honesty, but humility." 

อย่างที่ผมเคยบอกไว้ สิ่งแรกคือการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง คุณจะไม่มีอิทธิพลใด ๆ ต่อสังคมได้เลย หากยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ... ผู้สร้างความสันติที่ยิ่งใหญ่คือคนที่ซื่อสัตย์ มีความจริงใจ แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตน 





"Overcoming poverty is not a task of charity, it is an act of justice. Like Slavery and Apartheid, poverty is not natural. It is man-made and it can be overcome and eradicated by the actions of human beings. Sometimes it falls on a generation to be great. YOU can be that great generation. Let your greatness blossom." 

การเอาชนะความยากจนไม่ใช่สิ่งที่ทำเพื่อการกุศล มันเป็นสิ่งที่ทำเพื่อความยุติธรรมต่างหาก ไม่ว่าจะการล่าทาส การเหยียดผิว หรือความยากจน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ก่อขึ้นทั้งนั้น แต่ก็สามารถเอาชนะและกำจัดมันได้ด้วยการกระทำของพวกเรา บางทีมันเป็นภาระของคนบางรุ่นที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ พวกคุณสามารถเป็นคนรุ่นนั้นได้ จงให้ความยิ่งใหญ่ของพวกคุณได้เบ่งบาน 





"It is said that no one truly knows a nation until one has been inside its jails. A nation should not be judged by how it treats its highest citizens, but its lowest ones." 

มีการกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครรู้จักประเทศชาติได้แท้จริงจนกว่าเขาผู้นั้นจะถูกจองจำ ความเป็นประเทศไม่ควรวัดจากการที่เขาปฏิบัติต่อประชากรชั้นหนึ่งอย่างไร แต่ดูว่าเขาปฏิบัติต่อชนชั้นที่ต่ำต้อยที่สุดอย่างไรต่างหาก





"I was called a terrorist yesterday, but when I came out of jail, many people embraced me, including my enemies, and that is what I normally tell other people who say those who are struggling for liberation in their country are terrorists. I tell them that I was also a terrorist yesterday, but, today, I am admired by the very people who said I was one."

เมื่อวานผมถูกเรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่พอเมื่อออกจากคุก ผู้คนต่างเข้ามาโอบกอดผมไว้ รวมทั้งศัตรูของผมด้วย และนี่คือสิ่งที่ผมคอยบอกอยู่เสมอกับคนที่เรียกพวกที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพในประเทศของเขาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ผมบอกว่าในวันวานผมเองก็เป็นผู้ก่อการร้ายเหมือนกัน แต่วันนี้ผมก็ยังได้รับการยกย่องจากคนที่เคยว่ากล่าวผมไว้เช่นนั้น





"There is no easy walk to freedom anywhere, and many of us will have to pass through the valley of the shadow of death again and again before we reach the mountaintop of our desires."

ไม่ว่าแห่งหนใด การเดินทางสู่อิสรภาพไม่เคยง่าย และพวกเราหลาย ๆ คนต่างต้องเดินเข้าสู่หุบเขาแห่งความตายครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าที่เราจะไปถึงสู่ยอดเขาแห่งจุดหมายที่ปรารถนา





"One of the things I learned when I was negotiating was that until I changed myself, I could not change others." 

สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้เมื่อมีการต่อรอง นั่นคือหากผมไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ผมก็ไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้




            ทั้งนี้ นายเนลสัน แมนเดลา รัฐบุรุษอาวุโสผู้ได้รับความเคารพอย่างสูงสุดจากเหล่าชาวแอฟริกาใต้ ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ด้วยวัย 95 ปี หลังจากต่อสู้กับความเจ็บป่วยมาเป็นเวลานาน แต่คุณความดีที่ท่านเคยสร้างไว้ให้กับชาวแอฟริกาใต้ รวมถึงหลาย ๆ คนบนโลกนี้ในฐานะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและอิสรภาพ จะยังคงได้รับการจดจำ และกล่าวขานต่อไปอีกตราบนาน.. 

ประวัติ เนลสัน แมนเดลา รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ นักสู้ผู้ต่อต้านการเหยียดผิว


เนลสัน แมนเดลา

   หากจะเอ่ยถึงนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในทศวรรษนี้ คงจะไม่มีใครปฏิเสธชื่อของ เนลสัน แมนเดลา อย่างแน่นอน เพราะหากปราศจากบุคคลผู้นี้แล้ว โลกของเราก็คงจะยังมีการเหยียดสีผิว..ใช่แล้วล่ะ เขาเป็นรัฐบุรุษของโลก ผู้อุทิศตนต่อสู้เพื่อล้มล้างลัทธิเหยียดผิว และผลักดันให้เกิดสันติภาพทั่วโลก

          และจากข่าวการจากไปของ เนลสัน แมนเดลา ในช่วงที่ผ่านมานี้ ก็พลอยทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในแอฟริกาใต้ต่างเศร้าโศกกับข่าวดังกล่าว จนทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดทั่วโลกจึงให้ความสำคัญกับบุคคลผู้นี้ และเขาได้สร้างวีรกรรมอะไรให้กับโลกเราบ้าง วันนี้จึงขอนำเสนอเรื่องราวประวัติชีวิตและการต่อสู้ของ เนลสัน แมนเดลา 

          โดย เนลสัน แมนเดลา เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ในครอบครัวชาวเทมบู ซึ่งพูดภาษาโซซา ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางฟากตะวันออกของแหลมเคปของแอฟริกาใต้ เดิมมีชื่อว่า มาดิบา ต่อมาครูในโรงเรียนได้ตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้เขาว่า แมนเดลา

          ต่อมาพ่อของเขาซึ่งเป็นที่ปรึกษาของตระกูลผู้ปกครองชาวเทมบู ได้เสียชีวิตขณะที่เขามีอายุได้ 9 ขวบ เขาจึงได้รับการชุบเลี้ยงจากรักษาการผู้สำเร็จราชการเมืองเทมบู จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2484 เมื่อมีอายุ 23 ปี เนลสัน แมนเดลา ได้หนีจากการถูกจัดให้แต่งงานแบบคลุมถุงชน หลบไปอยู่ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ก่อนจะเข้าเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิทส์วอเทอแรนด์ ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกัน และที่นี่ทำให้เขาได้พบเจอผู้คนจากทุกเชื้อชาติ ได้รับความคิดแบบเสรีนิยม และความคิดต่อสู้เพื่อชาวแอฟริกัน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเหยียดผิว การถูกกระทำแบบสองมาตรฐาน ซึ่งผลักดันให้เขากลายเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

          โดยในปี พ.ศ. 2486 เขาได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคสภาแห่งชาติแอฟริกัน หรือเอเอ็นซี และต่อมาได้ร่วมก่อตั้งสันนิบาตยุวชนเอเอ็นซี อีกทั้งเขาได้ร่วมกับเพื่อน โอลิเวอร์ แทมโบ ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายในเมืองโจฮันเนสเบิร์กในปี พ.ศ. 2495 รณรงค์ต่อต้านระบอบปกครองที่เหยียดผิวของพรรคคนผิวขาว ที่กดขี่ชาวผิวดำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ จนทำให้ในปีพ.ศ. 2499 แมนเดลาถูกแจ้งข้อหากบฏพร้อมกับนักเคลื่อนไหวอีก 155 คน แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องเขาหลังสอบสวนอยู่นาน 4 ปี

          ต่อมาได้มีการออกกฎหมาย Pass Laws ฉบับใหม่ซึ่งจำกัดเขตอยู่อาศัยและทำมาหากินของคนผิวดำ ทำให้กระแสต่อต้านการเหยียดผิวได้ขยายตัวไปทั่วแอฟริกาใต้ ขณะที่พรรคเอเอ็นซีก็ถูกประกาศให้เป็นกลุ่มเถื่อนในปี พ.ศ. 2503 ทำให้ เนลสัน แมนเดลาต้องหลบลงใต้ดิน อย่างไรก็ดี กระแสการต่อต้านลัทธิเหยียดผิวได้รุนแรงขึ้นจนถึงที่สุดเมื่อตำรวจได้สังหารหมู่ชาวผิวดำ 69 คนในเมืองชาร์ปวิลล์ในปีเดียวกัน



เนลสัน แมนเดลา


          เนลสัน แมนเดลา ซึ่งขณะนั้นเป็นรองประธานเอเอ็นซี ได้เปิดปฏิบัติการวินาศกรรมทางเศรษฐกิจจนกระทั่งถูกจับในที่สุด และเขาถูกแจ้งข้อหาก่อวินาศกรรม และพยายามโค่นล้มรัฐบาลด้วยวิธีการรุนแรง โดยระหว่างการพิจารณาคดีที่เมืองริโวเนีย แมนเดลาได้ประกาศความเชื่อของเขาในเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเท่าเทียมว่า

          "ผมเชิดชูอุดมคติเรื่องสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและมีเสรีภาพ ที่ซึ่งคนทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมานฉันท์ และได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน นี่คือสังคมอุดมคติที่ผมปรารถนาจะไปให้ถึง เป็นอุดมคติที่ผมพร้อมจะอุทิศชีวิตให้"

          อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2507 เขาถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตบนเกาะร็อบเบนเป็นเวลา 18 ปี ก่อนถูกย้ายมายังเรือนจำโพลส์มัวร์บนแผ่นดินใหญ่ในปี พ.ศ. 2525 ซึ่งขณะที่เขาถูกจองจำอยู่นั้น พวกเยาวชนตามเมืองต่าง ๆ ของชนผิวดำยังคงต่อสู้กับการปกครองโดยคนผิวขาวส่วนน้อยต่อไป จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก

          ขณะที่ทางฝั่งของ โอลิเวอร์ แทมโบ สหายของแมนเดลา ผู้ลี้ภัยในต่างประเทศ เขาได้เริ่มรณรงค์ในระดับสากล เรียกร้องให้ปล่อยตัวมิตรร่วมอุดมการณ์ในปี พ.ศ. 2523  โดยมีการจัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาเวมบลีย์ในกรุงลอนดอนในปี 2531 ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 72,000 คน อีกหลายล้านทั่วโลกรับชมทางโทรทัศน์ และร่วมร้องเพลงเพื่อให้ปลดปล่อยเนลสัน แมนเดลา

          โดยกระแสเรียกร้องนี้ ทำให้บรรดาผู้นำโลกเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อระบอบเหยียดผิวของแอฟริกาใต้ ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 แล้ว จนในที่สุด ประธานาธิบดี เอฟ ดับเบิลยู เดอ เคลิร์ก ก็ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันจากทั่วโลกได้ และเลิกสั่งแบนพรรคเอเอ็นซีในปี พ.ศ. 2533 พร้อมกับปล่อยตัว เนลสัน แมนเดลา

          ในปี พ.ศ. 2536 เนลสัน แมนเดลา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และต่อมาชาวแอฟริกาใต้ทุกผิวสีได้ออกเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยเป็นครั้งแรก ทำให้ เนลสัน แมนเดลาได้รับเสียงโหวตท่วมท้นให้เป็นประธานาธิบดีในวันที่ 10 พฤษภาคม 2537 ซึ่งเขาได้ปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวหรือชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ และได้รับความยกย่องจากนานาชาติสำหรับการอุทิศตนเพื่อการประสานไมตรีทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542 เขาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และได้เป็นรัฐบุรุษอาวุโส ซึ่งเขายังคงอุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้กับเรื่องสิทธิมนุษยชนและให้ความรู้เรื่องการติดต่อของโรคเอดส์จนกระทั่งอายุ 85 ปี ก่อนจะขอเกษียณเนื่องจากปัญหาสุขภาพ

          และถึงแม้ว่า ณ วันนี้ เนลสัน แมนเดลา จะถึงแก่อสัญกรรมแล้ว หลังจากป่วยด้วยโรคปอดและเกิดอาการแทรกซ้อนเรื้อรังมาอย่างอย่างนาน กระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่เขาก็ยังคงเป็นรัฐบุรุษของโลก และนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในหัวใจของคนทั่วโลกตลอดกาล



เนลสัน แมนเดลา

เนลสัน แมนเดลา

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก


     อันดับ 10



Jog Falls
น้ำตก JOG ซึ่งมีความสูงถึง 253 เมตร น้ำตกนี้เกิดจากแม่น้ำ Sharavathiเปลี่ยนระดับจากที่สูงถึง 253 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอินเดีย ตั้ง อยู่ที่เมือง Shimoga รัฐ Karnataka ในอินเดีย อีกหลายๆชื่อที่เรียกกันคือ Gerusoppe falls หรือ Gersoppa Falls และ Jogada Gundi


อันดับ 9



Huangguoshu
น้ำตกหวางกว่อฉู้ (Huangguoshu Falls) อยู่ในมณฑลกุ้ยโจว เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน น้ำตกกว้าง 50 เมตร สูงถึง 75 เมตร เคยใช้เป็นที่ถ่ายทำถ้ำของพวกซุนหงอคง ชุดไซอิ๋วในทีวี นักท่องเที่ยวสามารถเดินลอดม่านน้ำตกได้ตลอดโดยไม่เปียก

อันดับ 8



Gullfoss
น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ถือว่าเป็นน้ำตกมีชื่อแห่งหนึ่งในจำนวนสถานที่ท่องเที่ยว ๆ หลายแห่งของประเทศนี้ และยังจัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 ที่ไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน “วงกลมทองคำ” ด้านบนของน้ำตกจะมีพื้นที่ประมาณ 1 กิโลเมตร และค่อย ๆ หักเป็นมุมโค้ง คล้าย ๆ บรรไดวน 3 ขั้น เอียง ลาดลดระดับลงไปเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก 11 เมตร และช่วงที่ 2 สูง 21 เมตร พร้อมมีรอยแยกอันเป็นทางเดินของน้ำกว้างประมาณ 20 เมตร ลึก 32 เมตร ยาวโดยรวมประมาณ 2.5 กิโลเมตร

อันดับ 7



Detian Falls
น้ำตกเต๋อเทียน (De Tian) ตั้งอยู่กลางพรมแดนระหว่างจีนกับเวียดนามในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี กว้างกว่า 100 เมตร ลึกกว่า 60 เมตร ความสูงลดหลั่นกันประมาณ 50 เมตร เป็นน้ำตกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดว่าเป็นน้ำตกระหว่างประเทศใหญ่ เป็นอันดับสองของโลก

อันดับ 6


Blue Nile Falls
น้ำตกสูงและใหญ่มากชื่อ Blue Nile waterfall เป็นน้ำตกที่มาจากแม่น้ำไนล์ อยู่ในประเทศเอธิโอเปีย รู้จักในชืิ่อ Tis Issat (Smoking Water)

อันดับ 5



Kaieteur Falls
น้ำตกบนแม่น้ำโปตาโร อยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกของประเทศกายอานา น้ำตกลงมาด้วยความเร็วประมาณ 663 คิวบิคเมตรต่อวินาที (23,400 คิวบิคฟุตต่อวินาที) ด้วยความสูง 226 เมตร (741 ฟุต) สูงกว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 5 เท่า และสูงกว่าน้ำตกวิคทอเรียประมาณ 2 เท่า

อันดับ 4


Angel Falls
น้ำตก Angel Falls มีความสูงถึง 979 เมตร (3,212 ฟุต) ตั้งอยู่ที่ Canaima National Park ประเทศเวเนซูเอลา ความสูงของน้ำตกแห่งนี้สูงกว่าน้ำตก Niagara ถึง 19 เท่า น้ำตกแห่งนี้ไหลลงสู่แม่น้ำ Kerep ด้วยระดับความสูง เกือบ 1 กิโลเมตร ทำ ให้น้ำซึ่งตกลงมาถูกลมแรงพัดให้เป็นละอองน้ำก่อนจะถึงพื้นดิน ทำให้น้ำตกแห่งนี้ ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดในโลก

อันดับ 3


Niagara Falls
น้ำตกไนแอการา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่าง ประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls บางครั้งก็เรียก น้ำตกแคนาดา) สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil. แม้ น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก

อันดับ 2


Victoria Falls
น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) น้ำตกที่ใหญ่และสวยงามติดอันดับโลก น้ำตกวิคตอเรียมีความยาวถึงเกือบ 2 กิโลเมตร และมีเนื้อที่ ครอบคลุมถึงสองประเทศ คือ ซิมบับเว และแซมเบีย ความลึกของน้ำตกแห่งนี้เริ่มตั้งแต่ 90-108 เมตร

อันดับ 1


Iguazu Falls
น้ำตกอีกัวซู (Iguazu) เป็นน้ำตกที่เกิดจากแม่น้ำอีกัวซู (Iguazu) ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนประเทศบราซิล รัฐ Parana และประ เทศอาร์เจนติน่า จังหวัด Misiones น้ำตกอีกัวซู เป็นหนึ่งใน the New7Wonders of Nature ของโลก น้ำตกนี้มีความสูง 62 – 82 เมตร มีทั้งหมด 275 น้ำตก เรียงราย อยู่ในอาณาบริเวณใกล้เคียงกัน มีความยาวทั้งสิ้น 2.7 กิโลเมตร

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

เกาะโอกะชิมะ ภูเขาไฟซ้อนภูเขาไฟ

เกาะโอกะชิมะ ญี่ปุ่น

เกาะโอกะชิมะ ล้อมรอบผาสูงชัน มีลักษณะภูมิศาสตร์เป็นภูเขาไฟซ้อนภูเขาไฟ เป็นส่วนหนึ่งของ หมู่เกาะ Izu Archipelago ในน่านน้ำฟิลิปปินส์ อยู่ห่างจาก โตเกียว ทางตอนใต้ประมาณ 200 ไมล์ เกาะโอกะชิมะ และประชากรในเกาะ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ เขตฮิชิโจ หนึ่งในเขตการปกครองของ โตเกียว และอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติฟุจิ-ฮะโกะเนะ-อิซุ ประเทศญี่ปุ่น
เกาะโอกะชิมะ เคยเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในช่วงสมัยเอโดะ ระหว่างปี ค.ศ. 1652 และ ค.ศ. 1670-1680 และการปะทุครั้งล่าสุด ในปี ค.ศ. 1785 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 140 คน และมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่
 
ประชากรทั้งหมดของ เกาะโอกะชิมะ อาศัยรวมกันบนส่วนเล็กๆ ของเกาะ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุด รวมทั้งมีโรงเรียนและที่ทำการไปรษณีย์เพียงแห่งเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ เกาะโอกะชิมะเงียบเหงา เพราะมากมายด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ตั้งแต่ อาบแดด ดำน้ำ ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยม เพราะน้ำทะเลรอบเกาะใสมาก หรือคนที่รักความผาดโผน ก็มีกิจกรรมปีนเขา ตั้งแคมป์ ชมน้ำพุร้อน และอาบซาวน่าด้วยความร้อนธรรมชาติกลางภูเขาไฟ
เกาะโอกะชิมะ อัศจรรย์ชีวิตกลางภูเขาไฟ ญี่ปุ่น
การเดินทางไป เกาะโอกะชิมะ ไม่ยังสะดวกนัก ทำได้เพียงนั่งเรือเฟอร์รี่และเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ เกาะโอกะชิมะ ยังเป็นภูเขาไฟที่อาจเกิดการปะทุขึ้นได้อีกในวันหนึ่ง ไม่อยากเสี่ยง..ก็ชมภาพให้ซึ้งแทนละกัน!

30 สถานที่รกร้างที่สวยงามที่สุดในโลก

30. Christ of the Abyss at San Fruttuoso, Italy



29. Kolmanskop in the Namib Desert



28. Abandoned dome houses in Southwest Florida



27. The remains of the SS Ayrfield in Homebush Bay, Australia 



26. The abandoned Wonderland Amusement Park outside Beijing, China 



25. Fishing hut on a lake in Germany



24. Holland Island in the Chesapeake Bay



23. The Kerry Way walking path between Sneem and Kenmare in Ireland 



22. Pripyat, Ukraine



21. 15th century monastery in the Black Forest in Germany 



20.Kalavantin Durg near Panvel, India



19.The remains of the Pegasus in McMurdo Sound, Antarctica 



18.Angkor Wat in Cambodia



17.The Maunsell Sea Forts in England



16.Bodiam Castle in East Sussex, England



15.Cz?stochowa, Polands abandoned train depot



14.Sunken yacht in Antarctica



13.Abandoned distillery in Barbado



12.Michigan Central Station in Detroit



11.1984 Winter Olympics bobsleigh track in Sarajevo



10.Craco, Italy



9.Russian military rocket factory



8.Abandoned mill from 1866 in Sorrento, Italy



7.Cooling tower of an abandoned power plant, UK




6.House of the Bulgarian Communist Party




5.Abandoned city of Keelung, Taiwan



4.Lawndale Theater in Chicago



3.North Brother Island near New York City, New York



2.Abandoned Blade Mill, France



1.El Hotel del Salto in Colombia