วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เศรษฐกิจของฝรั่งเศส :)

เมื่อดูจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ประเทศฝรั่งเศสนับเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ประเภทของอุตสาหกรรมที่เป็นที่มาของความสำเร็จดังกล่าว ได้แก่ อุตสาหกรรมทางด้านการขนส่ง โทรคมนาคม อุตสาหกรรมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยา รวมไปถึงภาคธนาคาร การประกันภัย การท่องเที่ยว และสินค้าฟุ่มเฟือย (เครื่องหนัง เสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำหอมและเหล้า)
ในปี พ.ศ. 2547 ประเทศฝรั่งเศสเสียเปรียบดุลการค้าถึง 6.6 พันล้านยูโร ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกทางด้านสินค้าทุน (ส่วนมากจะเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์) และเป็นอันดับ 2 ในส่วนของภาคบริการและทางด้านเกษตรกรรม (โดยเฉพาะธัญพืชและอุตสาหกรรมอาหาร) ส่วนในระดับภูมิภาคยุโรป ประเทศฝรั่งเศสนับเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าการเกษตรรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ สัดส่วนการค้าระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคิดเป็นร้อยละ 70 (ร้อยละ 50 เฉพาะประเทศในโซนยูโร)
ในด้านการลงทุน ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้เพราะผู้ลงทุนพอใจในคุณภาพของแรงงานชาวฝรั่งเศส การค้นคว้าวิจัยขั้นสูง เทคโนโลยีชั้นสูงที่ก้าวหน้ามาก เสถียรภาพของค่าเงิน และการควบคุมต้นทุนการผลิต
ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองลงมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (59 เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใน 19 โรงงานปรมาณูทั่วประเทศ) การผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศ 88% มาจากพลังงานนิวเคลียร์ ค่าไฟฟ้าในประเทศราคาถูกกว่าประเทศใกล้เคียง จึงมีการส่งออกกระแสไฟฟ้าไปยังประเทศอื่น 
                          

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Y2K


             เมื่อประมาณ 11 ปีกว่าๆที่ผ่าน เลขปี 2000 เป็นเรื่องที่นักวิชาการทำนายไว้ว่าเลข ตัวนี้จะทำให้โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือน ความวุ่นวายจะเกิดทุกพื้นที่ในเมืองใหญ่ ความปั่นป่วนจะเกิดขึ้นในสถานที่สำคัญ อย่าง ธนาคาร และโรงพยบาล ... จริงหรือเปล่านั้น ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าแค่เลข 2000 เนี่ยนะจะทำให้โลกปั่นป่วนได้ คิดแล้วผมก็น่าจะเขียนบทความ เพราะหลายๆคนที่สงสัยอยู่จะได้หายสงสัยสักที อย่างนี้ต้องตามไปดู !!!




"คู่มือพารอดจากวิกฤต Y2K"
เตรียมตัวอย่างไรสำหรับมหันตภัยจากมือมนุษย์และธรรมช าติ
ถึงขนาดต้องมีคู่มือป้องกันตัวขนาดนี้ แสดงว่า Y2K คงจะอันตรายน่าดูนะครับ อย่างแรกเลยคือผมจะอธิบายคราวๆก่อน ... Y2K ย่อมาจาก Year 2000แล้ว ล่ะ ถ้าเขียนอธิบายอีกนิด ในที่นี้คือ Kilo และ Kilo = 10^3 = 1000ดังนั้น Y2K = Year 2 x 1000 = Year 2000 ครับ (เหมือนเกมวางแผนที่ชื่อว่าWarhammer 40,000 เรียกย่อว่า Warhammer 40K) บางครั้งก็ไม่เรียก Y2Kเรียก millennium bug แทนก็ได้ครับทำไมเลข 2000 จึงดูน่ากลัว เขาบอกว่าจุดสำคัญมันอยู่ที่เลขท้าย ตัวหรือ 00 นั้นเองครับ ... ถ้าเรานึกไปว่าต้นเหตุเหล่านี้มาจากไหนนั้น ในสมัยก่อนการเก็บข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์นั้นนิยมใช้เลขปี ค.ศ. เพียง หลักหลัง 1942 ก็เหลือ 42 ถ้า 1995 ก็จะเหลือ 95 ครับ ดูแล้วมันก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไรมากมายนะ แต่นี่เป็นปัญหาระดับโลกเลยล่ะครับ ผมจะลองยกตัวอย่างจากที่ผมเคยเรียนเคยอ่านมาให้ท่านผ ู้อ่านเห็นกันชัดๆนะ 




ธนาคารแห่งหนึ่งให้ลูกค้าฝากเงินกินดอกไปเรื่อยๆสมมุ ติว่าให้ดอกปีล่ะ +5% ลุงคนหนึ่งกะว่าจะฝากกินดอกตอนแก่จะได้มีเงินไว้บ้าง ลุงแกเริ่มฝากมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ในคอมพิวเตอร์บันทึกว่า "90" ทั้งหมดในบัญชีลุงแกมี100 บาทพอฝากไปบัญชีลุงก็มีเงินเพิ่มปีล่ะ บาท ปีต่อๆไปก็ 91 ก็ 105, 92ได้ 110, 93 มี 115 มาถึงปี 99 ก็น่าจะมีอยู่ 145 บาท แต่เมื่อเข้าปี 2000 เลขจะกลายเป็น 00 สำหรับคนเรานั้นเห็น 00 ก็น่าจะรู้ว่าเขาหมายถึง 2000 แต่สำหรับคอมพิวเตอร์นั้นไม่ ! วิธีคำนวนปีโดยทั่วไปนั้นเช่น จะคิดยอดรวมในปี 1990 ถึงปี 1998 ก็เอา 98 - 90 = 8 ปี แต่ถ้าคิดยอดรวมในปี 1998 ถึง 2000จะเป็น 00 - 98 = -98 ปี หมายความว่าลุงคนนี้ฝากเงินมา -98 ปี ดังนั้นจากที่เคมีดอกเบี้ยกลับกลายไปเป็นหนีจำนวนมห าศาลแทน ... โอ้ว พระเจ้าช่วยกล้วยไข่
ตัวอย่างนี้ผมแสดงให้เห็นถึง Y2K และการเงิน แต่นักวิชาการไม่ได้บอกแค่เรื่องการเงิน แต่ยังมีอีกเรื่องที่ดูเหมือนจะหนักกว่า คือ Y2K และการแพทย์




ลุงคนหนึ่ง (แต่คนล่ะคนกับในตัวอย่างแรก) รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลใกล้บ้าน แกเกิดปี 1910 ตอนนี้ปี 1999 อายุอยู่ที่ 89 ปี เมื่อเข้าปี 2000คอมพิวเตอร์จะคำนวนว่าเอาปี 2000 ลบกับปีเกิด 1910 จะได้อายุ ด้วย 00 - 10 = -10 ได้อายุเป็น -10 กลายเป็นว่าลุงเขายังไม่เกิดเลย คนอะไรอายุติดลบ ... สำหรับการแพทย์ข้อมูลคนไข้นั้นสำคัญมากขนาดไหนน่าจะร ู้ดีนะครับ คลาดเคลื่อนนิดหน่อยอาจหมายถึงชีวิตเลยก็ว่าได้

ตอนเด็กๆไอ้เราก็กลัวตามเขาไปด้วย ยังจำได้เลย กลัวว่าพอถึงปี 2000 แล้วคอมพิวเตอร์จะใช้งานไม่ได้งั้นก็คือเล่นเกมไม่ได ้ด้วย ผมก็นั่งเครียดไปหลายวันเหมือนกันนะ เครียด ไปตามภาษาเด็กกลัวอดเล่นเกม (แบบเนี่ยล่ะตอนโตเลยติดเกม) แต่จริงๆแล้ว Y2K ไม่มีผลกับเครื่อง PC มามายนัก ส่วนมากจะมีผลร้ายแรงกับพวก Database ที่ใช้โครงสร้างแบบโบราณ

Y2K กับโปรแกรมต่างๆ !!! ใน Wikipedia ยกตัวอย่างเช่น Microsoft Excelจะเกิดปัญหาการกระโดดข้ามปี แต่ Microsoft ก็ไม่รอช้าเขียน Patch มาแก้ไว้ก่อน ... ส่วนภาษา ภาษา Perl และ Java ก็เช่นกันเมื่อวันที่ มกราคม2000 มาถึง วันที่จะกลายเป็น 1/1/19100 หรือไม่ก็ 1/1/100 ... สำหรับระบบปฎิบัติการเก่าๆอย่าง Windows 3 หรือ 3.1 3.2 3.อะไรก็ว่าไป ส่วนที่พบปัญหาคือ File Manager (ในปัจจุบันน่าจะเทียบได้กับ Windows Explorerนะ)

เมื่อเวลาแห่งความหวาดกลัวมาถึง ปฎิทินขึ้นวันที่ 1/1/2000 มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ?

ที่ประเทศญี่ปุ่น เมืองอิชิกาว้า เครื่องวัดกัมมันตภาพรังสีไม่ยอมทำงานตอนเที่ยงคืนเมืองโอนากาว้า สัญญาณเตือนภัยอาวุธนิวเคลียส์ดังขึ้นนาน นาทีหลังเที่ยงคืนโอซาก้า พบความผิดพลาดของวันที่ในการสื่อสารและแก้ไขสำเร็จตอ นตี กว่าๆ, NTT Mobile บริษัทให้บริการการสื่อสารขนาดใหญ่แจ้งว่ามือถือบางร ุ่นจะลบข้อความเอง

ประเทศออสเตเลีย ตู้ขายตั๋วรถเมล์ใน จังหวัดหยุดทำงาน

ประเทศ USA ตู้หมุน Slot ประมาณ 150 กว่าตู้ในกรุง Delaware ไม่ยอมทำงานนาฬิกาหลักของกองทัพเรือโดน Y2K เปลี่ยนเลขจาก 01/01/2000เป็น 01/01/19100

ประเทศฝรั่งเศษ บริการพยากรอากาศ และรถไฟใต้ดิน โดน Y2K เปลี่ยนเลขวันที่เป็น 01/01/19100 เช่นกัน

Bug วันที่นั้นไม่ใช่มีแค่ปี 2000 เท่านั้น มีอะไรบ้างตามไปดู !

9/9/99 และ EOF 9999
 วันที่ เดือนกันยายน ปี 1999 ถ้าอยู่ในคอมพิวเตอร์วันที่ก็จะเป็น 9/9/99 เป็นความบังเอิญที่มันไปตรงกับรหัสปิดไฟล์ หรือ End-Of-File code 9999 ที่ใช้สำหรับการเขียนโปรแกรมเก่าๆ สร้างความปวดหัวให้โปรแกรมเมอร์ได้มามายเลยทีเดียว ... ถึงว่าภาษาสมัยใหม่เลยไม่มี 9999 

นีโร !!

                           ลูเซียส คลอดิอุส นีโร

        สมเด็จพระจักรพรรดินีโร (อังกฤษNero) หรือที่รู้จักในชื่อ นีโรจอมโหด เป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 
แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน แห่งจักรวรรดิโรมัน เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 37 ที่เมืองแอนเธียม 
แห่งจักรวรรดิโรมัน บิดาชื่อ งาเออุส โดมิทิอุส อาเฮโนบาร์บุส (Gnaeus Domitius Ahenobarbus) 
มารดาชื่อ อากริพพินา ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงน้องสาวของจักรพรรดิคาลิกูลา (Caligula) จักรพรรดิรัชกาลที่ 3
แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน มีชื่อเต็มตอนเกิดว่า ลูเซียส คลอดิอุส นีโร


เหตุการณ์ในปีต่างๆ

  • ค.ศ. 39 เกิดศึกใหญ่ระหว่างโรมันกับเยอรมนี คาลิกูลาจึงนำทัพไปรบ แต่ก็มีข่าวออกมาว่า อากริพพินา น้องสาวของพระองค์กำลังวางแผนโค่นอำนาจจากพระองค์ไป จึงทรงสั่งเนรเทศอากริพพินาไปยังเกาะพอนเธียน ทั้ง ๆ ที่นีโรยังเล็กมาก เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับพ่อ
  • ค.ศ. 40 งาเออุส อาเฮโนบาร์บุส พ่อของนีโรเสียชีวิต เนื่องจากป่วยเป็นโรคบวมน้ำ คลอดิอุส (พี่ชายของพ่อของจักรพรรดิคาลิกูลา) จึงรับเลี้ยงดูนีโรต่อ ซึ่งในช่วงปีนี้ นีโรมีความฝันอยากจะเป็นศิลปิน
  • ค.ศ. 41 จักรพรรดิคาลิกูลาถูกลอบสังหารขณะชมกีฬา สภาสูงสุดแห่งโรม จึงมีมติให้คลอดิอุสครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 เขาเป็นคนดี ปกครองบ้านเมืองได้สงบร่มเย็นตลอดรัชกาล เขานำอากริพพินากลับมายังโรมัน มาพบนีโร ทำให้แม่ลูกได้พบกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อากริพพินาแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งเพื่อยกฐานะตนให้รวยขึ้น ต่อมาเศรษฐีเสียชีวิตลง อากริพพินาและนีโรจึงได้สมบัติไปเต็มๆ
  • ค.ศ. 48 ภรรยาของคลอดิอุสถูกจับได้ว่าคิดกบฏ จึงถูกสั่งประหารชีวิต อากริพพินาจึงพยายามจะแต่งงานกับคลอดิอุส เพื่อยกฐานะนีโรให้เป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิ ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าอากริพพินาทำสำเร็จ นีโรจะมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะครองราชย์ต่อจากคลอดิอุส
  • ค.ศ. 49 อากริพพินาแต่งงานกับคลอดิอุสได้สำเร็จ นีโรได้กลายเป็นบุตรบุญธรรมของคลอดิอุส นีโรจึงเปลี่ยนชื่อเต็มใหม่ ว่า นีโร คลอดิอุส ซีซาร์ ดรุสซุส (Nero Claudius Caesar Drusus)
  • ค.ศ. 50 คลอดิอุสแต่งตั้งเลื่อนยศอากริพพินาเป็นออกุสตา (จักรพรรดินี) และเลื่อนยศนีโรขึ้นเป็นทายาทโดยชอบธรรม (ไม่ใช่บุตรบุญธรรมอีกต่อไป แต่เป็นทายาทแท้ๆ)
  • ค.ศ. 51 คลอดิอุสประกาศให้นีโร เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ทั้งที่อายุยังน้อย ต่อมาไม่นานยังแต่งตั้งนีโรเป็นข้าหลวงและมอบสิทธิ์ให้สามารถเข้าร่วมอภิปรายในสภาสูง
  • ค.ศ. 53 นีโรได้แต่งงานกับคลอเดีย ออคเตเวีย ซึ่งเป็นลูกสาวของจักรพรรดิคลอดิอุส
  • ค.ศ. 54 วันที่ 13 ตุลาคม จักรพรรดิคลอดิอุส ถูกลอบฆ่า จนเสียชีวิต นีโรจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 นีโรปกครองจักรวรรดิโรมันได้อย่างสงบสุขเรื่อยมาจนกระทั่ง
  • ค.ศ. 58 นีโรได้พบกับหญิงงามคนหนึ่งชื่อว่าปอปเปีย นีโรสนิทสนมกับปอปเปียอย่างรวดเร็ว และในปีเดียวกัน นีโรก็แต่งงานกับปอปเปีย และแต่งตั้งเพื่อนสนิทชายของปอปเปียนามว่า ออตโต เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ทั้งคู่ปรนนิบัติและยุยงนีโรจนเกิดความลุ่มหลงในอำนาจ เกียจคร้านไม่สนใจหน้าที่การบริหารบ้านเมือง และเริ่มพยายามวางตัวเป็นศิลปินมือฉมัง บังคับประชาชนให้เข้าชมการแสดงของพระองค์เมื่อพระองค์อยากแสดง และห้ามใครลุกไปไหนตลอดการแสดง แต่ความจริงแล้วนีโรไม่ค่อยมีความสามารถทางด้านนี้เท่าใดนัก แต่ไม่มีใครกล้าบอกนีโร
  • ค.ศ. 59 พระนางอากริพพินามองเห็นความเปลี่ยนไปของนีโร และเริ่มจะทนไม่ไหวของการที่นีโรเปลี่ยนไปอย่างนี้ จึงพยายามตักเตือนนีโรเพื่อดึงนีโรกลับมาให้เหมือนเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้นีโรและพระนางอากริพพินาระหองระแหงกัน ปอปเปียและออตโต จึงฉวยโอกาสนี้ยุยงให้นีโรฆ่านางอากริพพินาทิ้งเสีย โดยใช้วิธีวางแผนลอบสังหาร แผนนี้มีเพียงนีโร ปอปเปีย และออตโตเท่านั้นที่รู้ แผนการลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งพระนางอากริพพินารู้เข้าถึงการที่นีโรลอบสังหารตน จึงช้ำใจฆ่าตัวตาย
  • ค.ศ. 62 นีโรหย่าขาดกับนางคลอเดีย ออคเตเวีย และในปีเดียวกันนั้น นางก็เสียชีวิต อย่างลึกลับ จนถึงปัจจุบันยังหาสาเหตุไม่ได้
  • ค.ศ. 64 วันที่ 21 มกราคม ปอปเปียได้ให้กำเนิดลูกสาวของตนกับนีโร ชื่อว่า คลอเดีย ออกุสตา ซึ่งเป็นลูกคนแรกของนีโร นีโรดีใจมาก จึงสถาปนาปอปเปียเป็นจักรพรรดินี และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต แต่ 4 เดือนต่อมา คลอเดีย ออกุสตา ก็ป่วยจนเสียชีวิต นีโรและปอปเปียเศร้ามาก นีโรจึงประกาศให้คลอเดีย ออกุสตา เป็นเทพีองค์ใหม่ของโรมัน สร้างรูปบูชาและจัดนักบวชไว้คอยรับใช้รูปบูชา
  • ค.ศ. 64 วันที่ 18 กรกฎาคม ตอนกลางคืน เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ร้านขายวัตถุไวไฟแห่งหนึ่งในกรุงโรม ประกอบกับการที่ถนนกรุงโรมในช่วงนั้นแคบ ทำให้ไฟจากร้านค้าวัตถุไวไฟนั้น ลุกลามไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ไฟก็ไหม้ทั่วเมือง นีโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิงที่หอคอยมิเซนุส (Maecenas) แล้วก็บอกว่าเปลวเพลิงนั้นช่างสวยงาม นั่งมองไฟผลาญกรุงโรมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงอย่างสุนทรีย์โดยไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ
  • ค.ศ. 64 วันที่ 25 กรกฎาคม เปลวเพลิงที่ผลาญกรุงโรมมาตลอด 6 วัน 6 คืนดับลงในวันที่ 7 เผาบ้านเผาเรือนไป 132 หลัง ใน 4 หมู่บ้าน นีโรสั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประกอบกับการที่นีโรไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ และในอดีตพระองค์เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเสียใหม่ว่า กรุงนีโรโพลิส (Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่านีโรเป็นผู้เผากรุงโรม (นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเองก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่นีโรจะเป็นผู้เผากรุงโรม)
นีโรจึงสุ่มสี่สุ่มห้าบอกไปว่าผู้ที่นับถือลัทธิคริสเตียน (ศาสนาคริสต์เมื่อเกือบสองพันปีก่อนในจักรวรรดิโรมันเป็นเพียงแต่ลัทธิเล็กๆ มิใช่ศาสนาอันยิ่งใหญ่เหมือนปัจจุบัน) เป็นกลุ่มคิดกบฎและพยายามเผาโรม จึงเกิดเป็นการประหารหมู่ชาวคริสเตียนในโรมันด้วยข้อหาเผาโรม ประหารโดยวิธีให้อดอาหารสัตว์ป่าในโคลอสเซียมจนหิวโซ และนำชาวคริสเตียนไปปล่อยที่สนามโคลอสเซียม และปล่อยสัตว์ป่าให้มารุมฉีกทึ้งชาวคริสเตียนต่อหน้าผู้ชม นอกจากนี้ยังเก็บภาษีอย่างหนักเพื่อมาซ่อมแซมบ้านเมืองและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของโรม ทำให้ประชาชนคลางแคลงใจในนีโร จนเกิดเป็นคำติดปากประชาชนชาวโรมว่า "เนโรเผาโรม" (Nero Burning Rome) ซึ่งในปัจจุบัน วลีอายุกว่า 2,000 ปีนี้ ได้ถูกใช้เป็นชื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์เขียนแผ่นซีดี/ดีวีดี
แต่นีโรก็เปิดพระราชวังให้คนที่ไร้บ้านมาอาศัย พร้อมทั้งจัดหาข้าวน้ำให้ประชาชนดื่มกินฟรี นอกจากนี้ยังสั่งให้ออกแบบการสร้างเมืองใหม่ให้ถนนกว้างขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก และเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่มีโฉนดต้องเสียที่ดินไปเพราะการขยายถนนไปเบียด จึงจัดสรรที่ดินใหม่ให้เขตบ้านเรือนและถนนแผ่กว้าง ทำให้ความเป็นไปได้ที่นีโรจะเป็นผู้เผาโรมลดลง ชาวบ้านบางส่วนก็เริ่มเชื่อใจ และจนถึงปัจจุบันยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของเพลิง
แต่ที่กล่าวมานั้น ชาวบ้านที่เชื่อใจเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ชาวบ้านหลายส่วนไม่เชื่อใจนีโร และประท้วงถอดถอนนีโร เป็นการประท้วงที่รุ่นแรงและยืดเยื้อ
  • ค.ศ. 66 ปอปเปียตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่นีโร กำลังเครียดกับกลุ่มผู้ประท้วงที่จะปลดตนจากตำแหน่งจักรพรรดิให้ได้ จึงไม่ค่อยได้มาอยู่ที่วังมาดูแลปอปเปียและลูกในครรภ์ วันหนึ่งในปีเดียวกันนั้น นีโรกลับมาอยู่ที่วัง และพูดจาบางอย่างที่ทำให้ปอปเปียโมโห ปอปเปียจึงด่าว่านีโรอย่างหนัก นีโรที่กำลังเครียดจึงพลั้งมือฆ่าปอปเปียตายพร้อมทั้งลูกในครรภ์
  • ค.ศ. 67 นีโรเครียดจัด ประกอบกับช่วงนั้นที่กรีซกำลังจะจัดกีฬาโอลิมปิกขึ้น นีโรตัดสินใจไปร่วมแข่งขัน ทั้งๆที่บ้านเมืองยังตึงเครียด ทิ้งภาระหน้าที่ไว้กับสภาสูง ระหว่างที่นีโรไม่อยู่นั้น สภาสูงลงมติว่านีโรไม่ควรเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป...
  • ค.ศ. 68 นีโรกลับจากกีฬาโอลิมปิก สภาสูงจึงส่งคนมาจับกุมโค่นอำนาจจักรพรรดินีโร นีโรจึงฆ่าตัวตายในวันที่ 9 มิถุนายนขณะอายุไม่ถึง 31 ปี และการที่พระองค์ไม่ทีทายาทเลย ทำให้ราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน ต้องสิ้นสุดลง


อีกมุมมองหนึ่งของนักประวัตศาสตร์ เนโรเผากรุงโรมเมื่อ ค.ศ. 64


จักรพรรดินีโร
"แทกซิตัส" นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันที่มีชื่อเสียงในยุคของนีโรได้บันทึกข้อกล่าวหาไว้และถูกเชื่อถือกันมาตลอดระยะเวลา 2,000 กว่าปี ดังนี้
  1. ในระหว่างที่เนโรออกไปตากอากาศที่แอนติอุมเมืองชายทะเลได้เกิดเพลิงไหม้ในกรุงโรมและเมื่อเนโรทราบข่าวแต่พระองค์ก็ไม่เร่งรีบกลับพระนครอย่างใด
  2. คฤหาสถ์ของบรรดาวุฒิสมาชิกโรมันที่สร้างจากอิฐที่ไม่น่าติดไฟ แต่กลับถูกเพลิงเผาทำลายไปสิ้นนั้นน่าจะเกิดจากการวางเพลิงจากภายในแล้วสั่งทหารโรมันคอยเฝ้าขู่เพื่อไม่ให้มีการดับไฟ เนื่องจากความโกรธแค้นที่บรรดาวุฒิสมาชิกไม่ยอมอนุมัติให้พระองค์สร้างกรุงโรมใหม่
  3. ทิศทางเพลิงดูวิปริตผิดธรรมดา ไฟลามขึ้นสู่ทิศเหนือ และบ้างก็ลงใต้ ทั้งที่ลมพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นลักษณะของการวางเพลิงอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน เอริก วาร์นเนอร์ และ เฮนรี่ เฮิร์สต์ นักประวัติศาสตร์สองท่านที่มีชื่อเสียงไม่เชื่อในบันทึกของแทกซิตัส เนื่องจากในขณะที่กรุงโรมเกิดเพลิงไหม้นั้นแทกซิตัสมีอายุเพียง 8 ขวบ ซึ่งเข้าใจว่าแทกซิตัสอาจจะบันทึกตามคำบอกกล่าวของชาวโรมในสมัยนั้น โดยมีข้อสังเกตว่า
  1. แท้จริงแล้วมีบันทึกจากนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเนโรบันทึกไว้ว่า เมื่อเนโรทราบข่าวการเกิดเพลิงไหม้ก็รีบรุดกลับกรุงโรมทันที และทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารดับเพลิงแห่งโรมด้วยพระองค์เอง
  2. ได้มีการทดลองสร้างคฤหาสถ์จำลองแบบโรมันซึ่งก่อด้วยอิฐจริงแล้วจุดไฟเผา ปรากฏว่าเมื่อโครงสร้างที่เป็นไม้ภายในไหม้ไฟทำให้เกิดความร้อนถึง 1,100 ดีกรี แม้อาคารที่ก่ออิฐก็แตกพังทลาย
  3. วิลล่าของเนโรชื่อ โดมุส ทรานซิโตเรีย ที่ทอดยาวตั้งแต่เนินพาลาทีนไปจนถึงเอสควอลีนก็ถูกไฟเผาไปด้วยเช่นกัน
  4. กลไกการเกิดเพลิงไหม้ใหญ่เนื่องจากกรุงโรมถูกล้อมด้วยเนินเขาสำคัญ 7 ลูก เมื่อไฟไหม้หนักขึ้นก็จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนมากขึ้น บนเนินเขาเตี้ยๆ ยังพอมีออกซิเจนเหลืออยู่มากกว่าพื้นดิน ไฟจึงโหมกระพือไปหาออกซิเจนทางเนินเขาที่อยู่ทิศเหนือบ้าง ทิศใต้บ้าง เป็นเรื่องปกติ
อย่างใดก็ตามแต่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าเนโรมีความผิดปกติทางจิตจริง โดยหลักฐานและบันทึกที่ปรากฏอยู่มากมาย แต่มีนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับเนโรอยู่หลายท่านที่บันทึกเรื่องราวที่เป็นธรรมกับเนโรด้วยเช่นกัน เช่น
โยเซฟัส (Josephus) นักประวัติศาสตร์ที่เกิดและโตในรัชกาลของเนโร และมีอายุยืนถึง 70 ปี เขากล่าวว่า แท็กซิตัส และ ซูโตเนียส บันทึกกล่าวว่าร้ายใส่เนโรจนเกินไป เพราะทั้งสองคนนี้อยู่ในสมัยหลังเนโรถึง 50 ปี และสิ่งที่บันทึกล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ได้แต่ฟังมา ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
มาร์คัส แอนเนียส ลูคานัส นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเนโรอีกคนหนึ่งบันทึกว่า ไพร่ฟ้าต่างหน้าใสเมื่ออยู่ใต้การปกครองของเนโร เศรษฐกิจของกรุงโรมในขณะนั้นดีมากประชากรต่างร่ำรวย และเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่นั้นถูกเป็นเครื่องมือหาความชอบธรรมให้กับเหล่าสมาชิกสภาสูงในการโค่นอำนาจจักรพรรดิ์เนโร
Nero 1.JPG
นีโร
จักรพรรดิ แห่ง จักรวรรดิโรมัน

Bust of Nero at Musei CapitoliniRome
พระนามเต็มLucius Domitius Ahenobarbus
(from birth to AD 50) ;
Nero Claudius Caesar Drusus Germanicus (from 50 to accession) ;
Nero Claudius Caesar Augustus Germanicus (as emperor)
ราชวงศ์Julio-Claudian
สมัย13 ตุลาคม ค.ศ. 54 - 9 มิถุนายน ค.ศ. 68
(Proconsul from 51)
รัชกาลก่อนหน้าจักรพรรดิคลอเดียส
รัชกาลถัดไปจักรพรรดิกาลบา
เกิด15 ธันวาคม ค.ศ. 37Antium
เสียชีวิต9 มิถุนายน ค.ศ. 68 (30 ปี), Just outside Rome
บิดาGnaeus Domitius Ahenobarbus
มารดาAgrippina the Younger
บุตร/ธิดาClaudia Augusta
หมวดหมู่: จักรพรรดิโรมัน
จักรพรรดิโรมันตะวันตก - จักรพรรดิไบแซนไทน์